++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

เปิดใจ 4 กก.บริหารพรรคร่วมผลักดันการเมืองใหม่

การประชุมผู้เข้าร่วมก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ วันที่ 2
มิ.ย.มีแนวร่วมพันธมิตรฯจากหลากหลายภาคส่วนเข้าร่วมประชุมจำนวน 21 คน
ทั้งนี้ หลังจากได้มีมติในที่ประชุมให้ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคดำรงตำแหน่งต่างๆอย่างไม่
เป็นทางการ ทางกรรมบริหารพรรคบางส่วนได้ให้สัมภาษณ์ในสาระสำคัญในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่ง
ของผู้ก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กับทาง
ASTVผู้จัดการรายวัน ดังต่อไปนี้

นายบรรจง นะแส กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่
และเลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ (กป.อพช.ใต้)
ในฐานะตัวแทนสาย เอ็นจีโอ กล่าวว่า จากการทำงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ทำให้เห็นถึงปัญหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
และผลกระทบที่มีต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอันเนื่องจากนโยบายของภาครัฐ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสมัยของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ซึ่งทิศทางการพัฒนาของรัฐบาลได้ก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งของประชาชนใน
พื้นที่ และความขัดแย้งด้านศาสนา และวัฒนธรรมของพี่น้องมุสลิม
รวมถึงมีการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา เช่น กรณีกรือเซะ , ตากใบ
หรือกรณีที่ประชาชนรวมตัวกันคัดค้านการสร้างโรงแยกก๊าซ
และท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย หน่วยราชการก็ใช้อำนาจรัฐทุบตี และจับเข้าคุก
ที่ผ่านมา ภาครัฐยัดเยียดโครงการต่างๆ
ลงไปในพื้นที่โดยที่ประชาชนไม่เคยได้เข้าไปมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็น

ปัจจัยดังกล่าวทำให้องค์กรเอ็นจีโอ
และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐก็ตัดสินใจเข้าเข้าร่วมเคลื่อน
ไหวกับพันธมิตรฯ เพื่อขับไล่รัฐบาล ของพ.ต.ท.ทักษิณ
ซึ่งเมื่อการชุมนุมยุติลง
และพี่น้องพันธมิตรฯมีมติร่วมกันว่าจะตั้งพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปสู้ในสภา
และสร้างการเมืองใหม่ กลุ่มของเราก็เห็นว่า
เราควรเข้ามาร่วมขับเคลื่อนตรงนี้
เพราะการเมืองใหม่ดูจะเป็นช่องทางเดียวที่เราพอจะมีความหวังได้ว่า
เสียงของประชาชนจะเข้าไปกู่ร้องในสภาได้

"ผมมองว่าการกำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศนั้น
นโยบายไม่จำเป็นต้องเหมือนกันทั้งประเทศ เหมือนกันทุกภาค ทุกจังหวัด
คือที่ผ่านมา นักการเมืองมักจะกำหนดนโยบายแบบครอบจักรวาล
แต่การเมืองใหม่นั้นเท่าที่คุยกันคร่าวๆ คณะกรรมการบริหารชุดก่อตั้งพรรค
เราเห็นตรงกันว่า นโยบายมันต้องสอดคล้องกับวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรม
ของแต่ละพื้นที่"

นายวิลิต เตชะไพบูลย์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่
และอดีตเจ้าของโรงแรมรีเจนท์ ชะอำ ที่ผันตัวไปทำนา
ในฐานะตัวแทนสายเกษตรกร

ด้วยความที่ผมคลุกคลีอยู่กับพี่น้องเกษตรกร
ทำให้เห็นชัดว่าการดำเนินนโยบายของรัฐในการแก้ปัญหาให้เกษตรกรนั้นส่วนใหญ่
มักเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น การประกันราคาข้าว
ในขณะที่การกำหนดนโยบายในการผลิตข้าวกลับมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการส่งออก
คือให้ชาวนาปลูกข้าวให้ได้จำนวนมากๆ
แทนที่จะส่งเสริมให้ชาวไร่ชาวนามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เมื่อนโยบายการปลูกข้าวเป็นเช่นนั้น ชาวนาก็ต้องเร่งใส่ปุ๋ย
และการรอบการปลูกให้มากขึ้น
ซึ่งการทำเช่นนั้นทำให้ชาวนาต้องเป็นหนี้ค่าปุ๋ย ค่ายา
กำไรที่ได้จากการขายข้าวก็ไม่พอที่จะใช้หนี้ ทำให้ชาวนาไทยอ่อนแอ
และไม่สามารถยืนได้ด้วยตัวเอง
หากเรามีตัวแทนที่มาจากชาวนาเข้าไปในสภาเราก็สามารถสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น
และผลักดันให้มีการแก้ปัญหาอย่างถูกทาง

"พรรคการเมืองใหม่ของเราจะมีแนวทางที่ต่างจากการเมืองเดิมๆ
คือให้ประชาชนในแต่ละสาขาอาชีพเข้าไปมีส่วนในการกำหนดนโยบายด้วย
เพราะเขาจะรู้ปัญหาของตัวเองดีที่สุด
สำหรับของตัวผมจะเป็นตัวแทนสายเกษตรกรในช่วงเริ่มก่อตั้งพรรคเพื่อที่จะวาง
โครงสร้างและแนวทางในทำงานเท่านั้น
หลังจากนี้จะต้องไปฟังความเห็นจากเกษตรในแต่ละพื้นที่และให้เขาสรรหาตัวแทน
ที่คิดว่าเหมาะสมต่อไป เพราะการทำงานเราต้องฟังเสียงคนทุกกลุ่ม
ส่วนผมก็จะถอยออกไปอยู่ในส่วนของภาคประชาชนเหมือนเดิม"

นางชญาบุญ ศริญญามาศ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่
ตัวแทนพื้นที่สมุย สุราษฎร์ธานี

นโยบายของภาครัฐที่ผ่านมานั้นมุ่งเสริมให้เกาะสมุยพัฒนาในเชิงวัตถุ
เพียงอย่างเดียว มีหมู่บ้านจัดสรร มีห้างปลีกเต็มไปหมด
แต่ไม่ฟังเสียงคนในพื้นที่ว่าเขาต้องการให้สมุยยังคงความเป็นธรรมชาติเอาไว้
เพราะที่นี่เราขายการท่องเที่ยว ขายธรรมชาติ
เพราะฉะนั้นถึงเวลาแล้วที่คนสมุยจะลุกขึ้นมากำหนดนโยบายในการพัฒนาบ้านเมือง
ของเราเอง

"ตอนนี้ 80% ต้องการการเมืองใหม่
เพราะที่ผ่านมาเราเลือกนักการเมืองไปแล้ว เขาจะกำหนดนโยบายอย่างนี้
ก็ต้องเป็นอย่างนี้ คนที่ได้รับเลือกตั้งบอกว่าตัวเองมาจากเสียงข้างมาก
เสียงข้างมากต้องการอย่างนี้
แล้วเสียงข้างน้อยไม่มีสิทธิ์มีเสียงที่จะพูดอะไรไม่ได้เลยหรือ
มันก็ไม่ใช่ แต่การเมืองใหม่นี่เขาต้องการให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม
ฟังข้อคิดเห็นของกันและกัน แล้วก็เอาปัญหานั้นมาแก้ไข
แล้วคนสมุยเขาก็ไม่ได้ยึดติดกับพรรคใดพรรคหนึ่งนะ
ถ้าถามว่าพรรคประชาธิปัตย์ นั้นในความเป็นสถาบันของเขาดีไหม ก็ตอบว่าดี
แต่ถามว่าในส่วนของตัวบุคคลที่เข้ามาทำงานการเมืองในพรรคล่ะดีหรือเปล่า
คือถ้าคนในพรรคประชาธิปัตย์ดี
ก็คงต้องออกมาคัดค้านเรื่องการเช่ารถเอ็นจีวีแล้ว แต่นี่ไม่มีเลย"

นางเสาวนีย์ รุ่งช่วง กรรมการบริหารพรรค ตัวแทนพื้นที่ปากช่อง
นครราชสีมา ผู้ตัดสินใจลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์
ที่เป็นสมาชิกพรรคมาเกือบ 20 ปี เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใหม่

เนื่องจากเห็นว่าการตั้งพรรคของพันธมิตรฯ
เพื่อเข้าไปทำงานในสภาเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะสามารถผลักดันให้มีการแก้
ปัญหาต่างๆ ตามที่ประชาชนต้องได้อย่างแท้จริง
เพราะพรรคนี้จะเป็นพรรคที่มีตัวแทนของประชาชนจากภาคส่วนต่างๆ
ทั่วประเทศเข้าไปร่วมในการวางกรอบนโยบาย

"ที่ผ่านมาได้เข้าร่วมชุมนุมเคลื่อนไหวทุกครั้งที่มีวิกฤติการเมือง
ของประเทศ ตั้งแต่สมัย 14 ตุลาฯ16 จนมาถึงการชุมนุมของพันธมิตรฯ
ที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลคอร์รัปชั่น เพราะอยากเห็นบ้านเมืองไทยดีขึ้น
แต่การชุมนุมก็ไม่สามารถทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนจากน้ำเสีย
มาเป็นน้ำดีได้ พี่เป็นสมาชิกพรรคพรรคประชาธิปัตย์มาเกือบ 20 ปี
เพราะมองว่าพรรคนี้เป็นพรรคที่ดีกว่าพรรคอื่นๆ
แต่พรรคก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้
ดังนั้นถ้าเรามีพรรคที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ
และร่วมกำหนดทิศทางการทำงานได้ ก็น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า"


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000062109

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น