++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ไม่ได้ 'เช่า' รถเมล์ ขสมก.(ภท.)จะเป็นจะตาย?

โดย สุวิชชา เพียราษฎร์


คณะกรรมการสภาพัฒน์ที่รับ "เผือกร้อน" ถูกมอบหมายจาก
ครม.เมื่อสัปดาห์ก่อนให้ศึกษาโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวีใหม่ 4,000
คันเพื่อเสนอผลการศึกษากลับมาให้ครม.ตัดสินใจภายใน 1
เดือนได้เริ่มทำงานของพวกท่านไปบ้างแล้วเมื่อวันจันทร์ (8 มิ.ย.)

นั่นหมายความว่า จากนี้ไปราวๆ 20 กว่าวันเศษ
หากไม่มีปัจจัยแทรกซ้อน สาธารณะหรือประชาชนอย่างเราๆ ก็จะได้รับคำตอบว่า
ตกลงโครงการรถเมล์ใหม่ที่ยังไม่ทันวิ่งก็พลิกคว่ำพลิกหงายมาหลายตลบจะมีทิศ
ทางไปทางไหน

เมื่อสภาพัฒน์มีคำตอบให้รัฐบาล ขั้นตอนจากนั้น
ครม.ก็จะพิจารณาเพื่อตัดสินใจต่อไป

ก่อนจะไปถึงตรงนั้น...

มองดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายผลักดันโครงการ คือ พรรคภูมิใจไทย และ
ผู้บริหารของ ขสมก.เหมือนจะตัดสินใจแน่นอนแล้วว่า
ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร
ไม่ว่าผลการศึกษาสภาพัฒน์จะออกมาอย่างไรขอยืนกรานหัวชนฝา ดับเครื่องชนว่า
" เช่าดีกว่าซื้อ"

มิหนำซ้ำเปิดเกมรุกเต็มที่! สั่งให้
ขสมก.เจ้าของโครงการรถเมล์หุ้มทองฝังเพชรนี้ ทั้งๆ
ที่ขาดทุนบักโกรกจ่ายเงินไม่น้อยเลยซื้อพื้นที่โฆษณา 2 หน้าเต็มๆ
ในหน้าหนังสือพิมพ์บางฉบับสำทับ ไม่นับรวมถึงคัตเอาต์ต่างๆ
ที่จะขึ้นมาทั่วกรุงเพื่อโน้มน้าวข้อดีที่ว่า
"ทำไมต้องเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน" โดยเน้นขีดเส้นใต้ที่คำว่า
"เช่า" ตามที่พรรคภูมิใจไทยย้ำมาต่อเนื่อง

ขณะที่ข้างฝ่ายคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรียังอยู่ในลักษณะตั้งรับ ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทุกคำที่พูดดูเหมือนจะยึดมั่นในหลักการเดิมของเขาคือ
ขอรอเวลาให้สภาพัฒน์มีผลการศึกษาออกมาก่อน

น่าสนใจว่า ศึกรถเมล์ทองคำนับจากนี้จะเป็นอย่างไรอีก

โดยเฉพาะเวลากว่า 1 เดือน
สำหรับเกมการเมืองแล้วถือว่ามีเวลามากพอที่เงื่อนไขหลายอย่างสามารถพลิกผันได้

พรรคภูมิใจไทยรู้ คุณอภิสิทธิ์ก็รู้
แต่...ไม่ว่าเกมจะดำเนินไปอย่างไรก็น่าจะเบาใจได้ระดับหนึ่งว่า
คุณอภิสิทธิ์ ที่จะเป็นด่านสุดท้ายรู้ว่านี่เป็นการตัดสินใจโดยมีความหวังและศรัทธาของ
ประชาชนเป็นเดิมพัน!

ทั้งนี้ จากบทสัมภาษณ์ที่มีต่อ "น้องแอ้ม" สโรชา พรอุดมศักดิ์
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ
อภิสิทธิ์" คุณอภิสิทธิ์ได้พูดแล้วว่า....

"การชะลอโครงการต่างๆ อาจจะกระทบความสัมพันธ์พรรคร่วมบ้าง
แต่อย่าใช้ประโยชน์ทางการเมืองเป็นเครื่องตัดสิน
ไม่ได้คำนึงว่าข้อเสนอของพรรคไหน
แต่ขอให้ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง อย่าให้เกิดข้อกังขา
ไม่เช่นนั้นรัฐบาลจะบริหารบ้านเมืองไม่ได้"

จากตรงนี้คุณอภิสิทธิ์ก็คงรู้อีกเช่นกันว่า ทุกๆ
คนที่เสียภาษีย่อมหวังว่า โครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000
คันจะไม่ใช่การบริหารจัดการเอาเงินภาษีประชาชน 64,000
ล้านบาทไปละเลงโดยไม่คุ้มค่าเหมือนในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับหลายๆ
โครงการของรัฐ

บางคนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
โครงการนี้จะเป็นโครงการตัวอย่างที่สะท้อนภาวะผู้นำของนายกฯ
ในการเอาใจใส่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน
คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนมากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของพรรคร่วม
รัฐบาลที่เป็นประเพณีอันชั่วช้าของนักการเมืองน้ำเน่ามานานแสนนาน

นายกฯ ไม่สัญญาก็เหมือนสัญญาว่า จะไม่ทำให้ประชาชนผิดหวัง!

นอกจากนี้ คุณอภิสิทธิ์จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม
ในบทสัมภาษณ์คราเดียวกันนี้ของท่านยังสื่อความออกมาเป็นเชิงลักษณะผูกมัดให้
คนรับฟังแอบหวังลึกๆ ว่า นายกฯ ของพวกเขาจะเลือกทำในสิ่งที่ดีที่สุด

"ประเด็นปัญหาเรื่องจะเช่า จะซื้อ หรือจะเช่าซื้อ
จะต้องกู้หรือจะออกพันธบัตร หรือทำองค์กรพิเศษนี้ คือ
มันล้วนแล้วแต่เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้ทั้งสิ้น
และแต่ละทางเลือกก็มีจุดแข็ง
จุดอ่อนที่แตกต่างกันไป...เราให้คณะกรรมการสภาพัฒน์ไปดู 1 เดือน
ทางเลือกทั้งหมดผมว่าจะมีเวลาในการจะมาไล่เพื่อที่จะเปรียบเทียบ
และหาสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน" นายกฯ
กล่าวตอบคำถามของพิธีกรสาวจากค่าย "ASTV ผู้จัดการ" ในวันนั้น

อะไรคือ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประชาชน อีกไม่นานจะได้ทราบกัน!

อย่างไรก็ดี เมื่อนายกฯ ให้สัญญา และเห็นว่า ปัญหาของ
ขสมก.ยังมีทางเลือกอื่น
ทางเลือกที่ดีที่สุดที่ไม่ใช่จะจำกัดอยู่แค่จะเช่า จะซื้อ
หรือจะเช่าซื้อรถเมล์ใหม่มาแทนรถเก่าทั้งหมด 4,000 คันเท่านั้น

สำหรับเวลาที่เหลืออยู่...

ภาระหนักจึงอยู่ที่บ่าของคณะกรรมการสภาพัฒน์อย่างช่วยไม่ได้

แม้จะน่าเป็นห่วงช่วงเวลาที่ศึกษานั้นสั้น
คณะกรรมการสภาพัฒน์จะสามารถมีข้อมูลมาให้ ครม.ได้มากน้อยเพียงใด
แต่หากเสนอได้ ผมอยากจะเห็นสภาพัฒน์ศึกษาพิจารณาปัญหาของ
ขสมก.แบบการมองภาพรวมปัญหา ขสมก.ทั้งหมด

ขสมก.ซึ่งก่อตั้งมาตั้งแต่ พ.ศ. 2519
ก็ขาดทุนแล้วจนสะสมมาถึงปัจจุบัน ปัจจัยอะไรไหนบ้างที่ทำให้ ขสมก.ขาดทุน
ภาวะที่เปลี่ยนแปลงไปของสภาพเศรษฐกิจและสังคมส่งผลกระทบอย่างไรต่อองค์กร
แห่งนี้ รัฐบาลแต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีความพยายามที่จะแก้แต่ทำไมยังล้มเหลว?

เชื่อว่าหากได้ผลการศึกษาเหล่านี้รวมกับที่สภาพัฒน์ศึกษาในประเด็นอื่นๆ
แล้วรัฐบาลลงประกาศหรือทำประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้อ่าน
ได้วิพากษ์วิจารณ์จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย

ขั้นตอนอาจจะเสียเวลามากกว่า 1 เดือนตามที่นายกฯ
กำหนดก็ไม่เห็นจะเสียหาย เพื่อจะช่วยรัฐบาลตัดสินใจไม่ผิดพลาดว่า
จะต้องทำอย่างไรกับ ขสมก.มันคุ้มค่ามิใช่หรือ?

อย่างน้อยๆ ก็คุ้มกว่าเงินของ
ขสมก.ควักจ่ายลงโฆษณารับใช้นักการเมืองเจ้าของโครงการตัวจริงแน่นอน

โฆษณาที่นอกจากจะไม่ได้ผล ยังเผยให้เห็นถึงอาการลงแดงของนักการเมือง

ทำไมหรือ ไม่ได้ 'เช่า' รถเมล์ ขสมก.แล้วจะเป็นจะตาย?


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064495


-ผมว่ามันตลกไม่น่าจะขำ จะมาขึ้นป้ายหาเสียงว่าเป็นคนคิดโครงการ
และเป็นเจ้าของโครงการ

-นักการ เมืองบ้านเรามันคิดได้แค่นี้เองหรือ พวกเขากำลังแย่งเสียงคน กทม.
ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า คน กทม.ปัจจุบัน เขาไม่ต้องการรถเมล์แล้ว
เขาต้องการรถไฟฟ้า มันเร็วกว่า เสียเวลาน้อยกว่า

-ผมเลยไม่รู้ว่า นักการเมืองโง่กว่าประชาชน
หรือประชาชนโง่กว่านักการเมือง เพราะสิ่งที่พวกเขากำลังทำ ประชาชนจริง ๆ
ไม่ได้ต้องการ คุณกำลังยัดเยียดสิ่งที่พวกเราคน กทม.ไม่ได้ต้องการ
เอางบประมาณไปใช้อย่างอื่นที่จำเป็นดีกว่า เอาเงินมาทำสิ่งอะไรก็ไม่รู้
หรือรัฐมนตรีมีความสามารถแค่นี้

-ผมว่าคุณอภิสิทธิ์ คุณต้องทำอะไรให้พวกเราเห็นว่า คุณมี Leadership
อยู่ในตัวเอง ไม่เช่นนั้นพวกคุณก็ไปเป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิมเถอะ
เพราะคุณเหมาะที่จะทำหน้าทีนั้น พวกคุณทำได้สุด ๆ ทีเดียว
แต่พอมาเป็นฝ่ายบริหารเหมือนพวกคุณทำไม่เป็น ไม่มีอะไรที่เห็นโดดเด่นเลย
ทั้ง ๆ ที่มีโอกาส ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงอะไรที่พวกคุณดูแลอยู่

-พวก คุณดูไม่โดดเด่น ก็เลยทำให้อีกพวกดูดี ทั้ง ๆ ที่เลว และเลวมากด้วย
ผมไม่รู้ว่า คุณสมศักดิ์ กับคุณเนวิน น่ากลัวอะไรสำหรับพวกคุณ
ถ้าเป็นผมก็ล้มเป็นล้ม อยากดูนักว่า พวกนี้อยากเสียเงินเร็วอีกหรือเปล่า
ต้องเล่นเกมส์กันแรง ๆ แล้วละ

-ผมไม่อยากให้บริหารบ้านเมืองแบบกลัว ๆ กล้า ๆ ถ้าไม่แน่ก็ลงมาเถอะ
เดียวจะเสียอนาคต ทำอะไรก็ให้เห็นความเป็นผู้นำหน่อย ไม่เอาก็ไม่เอา
อย่าทำให้ประชาชนสับสน หรือไปตกลงอะไรกันข้างหลัง
แล้วเอามาพูดกันข้างหน้าอีกอย่าง

-ถ้า เห็นประชาชนกินหญ้า ก็เอา ไม่ว่ากัน พวกคุณมีเวลาน้อยครับ
ถ้าบริหารแต่ปาก ไม่ทำอะไรให้เห็นสักที อย่าเอาพรรคร่วมหลายพรรคมาอ้าง
ถ้าคุณเอามาอ้าง แล้วพวกคุณอาสามาทำงานทำไม เป็นหัวหน้า
ต้องแสดงให้เห็นว่าเป็นผู้นำ

-ผม ถามคุณอภิสิทธิ์ ว่าถ้าคุณแตกหักกับใคร ใครจะกล้ากับคุณ เพราะตอนนี้
พวกเขาอาศัยต้นทุนของคุณอยู่ พวกรัฐมนตรีในพรรคก็เหมือนกัน
เวลาเป็นฝ่ายค้านพูดเก่งทุกคน แต่พอเป็นรัฐบาลกับพูดไม่ออก
โดยเฉพาะบางคนที่ชอบกินกระท้อน ต้องทุบก่อนแล้วค่อยทาน

-ถ้านักการเมืองยังเห็นประชาชนโง่ ก็เสนอโครงการโง่ ๆ ออกมาให้มากขึ้น
เพื่อให้ประชาชนพิจารณาว่า ใครโง่กว่าใคร
จุมพล

++
ผมว่าทั้งสื่อและ ปชช คนไทย(โดยเฉพาะคนกทม)กำลังถูกหลอกให้หลงประเด็นหรือเปล่าครับ
เริ่มต้นจากการไม่เห็นด้วยกับราคาที่เช่าอย่างแพงมหาโหด
กลับมาให้พวกขายชาติเบี่ยงเบนประเด็นเป็นว่าเช่าหรือซื้อดี

ถ้า สมมุติว่าใข้วิธีเช่า มีเอกชนหลายรายที่จะเอารถมาให้เช่าในราคาวันละ
2.000 บาทเท่านั้น ถ้า ขสมก ประกาศที่เดียวไม่ถึงเดือนครับ ครบ 4.000 คัน

ส่วนถ้าซื้อก็ลงทุนไม่เกิน 20.000 ถึง 30.000 หมื่นล้านบาท
ผมรับประกันให้ได้สบายสบาย

ซื้อ รถคันละ 3 ล้าน 4.000 คันก็ 12.000 ล้าน เงินที่เหลือ
รัฐกลัวว่าซ่อมเองมันจะรั่วไหล ก็ประมูลค่าซ่อมเป็นปีไปเลยครับ เหมา 10
ปีอย่างไรก็ไม่เกิน คันละ 1.5 ล้าน 4.000 คันก็เท่ากับ 6.000
ล้านรวมถ้าใช้วิธีซื้อ เท่ากับ
ค่ารถ 12.000.000.000 ล้านบาท
ค่าซ่อม 6.000.000.000 ล้านบาท

รวม 18.000.000.000 ล้านบาท
อีกสองพันล้าน ไว้ครบ สิบปี ซ่อมตัวถังรถที่เริ่มผุ รัฐยังเหลือรถ 4.000
คันเป็นสมบัติด้วย

อย่า หลงประเด็นกันนะครับ ถ้าจะซื้อหรือเช่าเกิน 25.000 ล้านบาท ผมคิดว่า
ชาว กทม ยินดีออกไปประท้วงเป็นแสนครับ อยากให้คน
ต่างจังหวัดมาด้วยเพราะเป็นเงินของเขาเหมือนกัน
สมพล


++
ทำไมนักการเมือง ไม่คิดหาทางออก แก้ปัญหาขนส่งมวลชน
ให้ขนคนได้ครั้งละมากๆ รวดเร็ว แก้ปัญหาจราจร
ลดมลพิษจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ประหยัดพลังงาน
ถ้านักการเมืองตั้งใจแก้ปัญหาจริงๆ เขาต้องคิดทำโครงการรถไฟฟ้า หรือ รถ
BRT หรือการโดยสารทางเรือ
เหตุผลที่เขายังไม่ทำรถไฟฟ้า ซึ่งมีมูลค่าโครงการมากกว่ารถเมล์หลายเท่า
โครงการก็อยู่ในสังกัดกระทรวงเดียวกัน เหตุผลก็คือ
ทำโครงการเช่ารถเมล์ NGV สามารถเอามาอ้างได้ว่า
-ประหยัดการใช้พลังงานน้ำมันดีเซล
-การเช่าเหมา รวมค่าตัวรถ รวมค่าซ่อม ค่าดอกเบี้ย ค่าบริหารจัดการ
จะได้เอาไปอ้างว่าเพื่อลดภาระขาดทุนของ ขสมก
-เอารถใหม่เข้ามาแทนรถเดิมที่ชำรุด เพื่อลดค่าซ่อม
-ไม่ว่าจะเช่า หรือซื้อ มันก็รับเงินจากส่วนต่างราคาค่าจัดหา กับราคาจริง
มันรับเนื้อๆ
เหตุผล หลักที่เขาต้องการรถเมล์ มากกว่า การทำรถไฟฟ้า
ทั้งที่มีมูลค่ามากกว่าหลายเท่า เพราะโครงการรถไฟฟ้า กว่าจะได้เงิน
ต้องรออีกนานหลายปี สู้เอารถเมล์ดีกว่า ได้ทันที
เพราะเอารถเข้ามารอไว้แล้ว เรียกได้ว่า เป็นโครงการ "แดรกด่วน"
อนุมัติปุ๊บ แดรกปั๊บ
เตรียมกระสุนไว้ใช้เลือกตั้งที่กำลังใกล้เข้ามาเต็มที
ไม่รู้จะยุบสภาวันไหน
ยัง ไงมันก็เอารถเมล์ทั้ง 4000 คันนะแหละ จะเช่า หรือซื้อ มันเอาทั้งนั้น
มันแกล้งยื้อว่าจะเอาเช่า ไม่เอาซื้อ
มันต้องการเบี่ยงประเด็นให้ชาวบ้านถกเถียงกันว่าจะเอาซื้อ ดีกว่าเช่า
เดี๋ยวผลการศึกษาจากสภาพัฒน์ออกมาให้ซื้อ มันก็ตัดสินใจว่า ซื้อก็ได้วะ
จัดซื้อไปเลย เข้าล๊อคมันเลย
ฉะนั้น อย่าหลงประเด็น มันไม่ได้อยู่ที่ว่า ซื้อดีกว่าเช่า หรือ เช่าดีกว่าซื้อ

ประเด็นคือ "ไม่เอาทั้งเช่าและซื้อ"
คนพอรู้
++
ใช่คับพี่น้องรถไฟฟ้ามันเร็วคับ มลพิษก็น้อยคับ
แต่ขึ้นครั้งนึง 30 บาทอย่างน้อยกว่าจะถึงที่หมาย
เห็นใจคนหาเช้ากินค่ำที่ต้องขึ้นรถเมล์บ้างสิคับ
คิดถึงคนอื่นๆคนระดับใช้แรงงานบ้างครับ
ไม่ใช่คิดถึงแต่ตัวเองคนชั้นกลางที่พอมีตังใช้
คนไม่มีตังมีอีกเยอะคับ

เพราะฉะนั้นรถเมล์สำคัญคับ
แต่รัฐบาลคับ เอาให้มันโปร่งใสหน่อยนะเด้อคับเด้อ
เฮ้อ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น