++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเมืองศักดิ์สิทธิ์

โดย สันติ ตั้งรพีพากร


"พรรคการเมืองใหม่"
ที่ถือกำเนิดจากมติของที่ประชุมสภาและฉันทานุมัติของที่ชุมนุมใหญ่พันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
สามารถช่วยให้เราอธิบายถึงสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่ของ
ประเทศไทยได้อีกขั้นหนึ่ง ว่ากำลังก้าวมุ่งไปสู่ความเป็น
"การเมืองศักดิ์สิทธิ์" ที่จับต้องได้จริงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ

การเคลื่อนไหวทางการเมืองของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย ได้ทำลายฐานการเมืองแบบเก่าที่รู้จักกันดีว่าเป็น
"การเมืองน้ำเน่า" ได้สำเร็จ โค่นล้มระบอบทักษิณลงไปได้

แม้ว่านักการเมืองน้ำเน่าที่ยังครองเวทีการเมืองในระบบรัฐสภาจำนวน
มาก สามารถพลิกแพลงบทบาท ผัดหน้าทาแป้ง จัดรูปขบวนใหม่
จัดตั้งรัฐบาลผสมที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำได้สำเร็จ
แต่การทุจริตโกงกินก็ทำได้ยากยิ่งขึ้น "การเมืองน้ำเน่า"
ถูกตีกรอบกระชับวงแคบลงไปอีกชั้นหนึ่ง

แต่ถึงที่สุดแล้ว "การเมืองน้ำเน่า"
ก็จะไม่ฝ่อแฟบและเหือดแห้งไปเอง ไม่ว่ากระบวนการตรวจสอบจะเข้มแข็งเพียงใด
จำเป็นอย่างยิ่งที่จักต้องใช้การเมืองใหม่ "การเมืองศักดิ์สิทธิ์"
เข้าต่อสู้แบบประชิดตัว ทำลายให้ราบคาบ
แล้วให้ทุกฝ่ายร่วมกันชะล้างคราบสกปรกจนหมดสิ้นไป

ด้วยเหตุนี้ "การเมืองศักดิ์สิทธิ์" จึงมีนัยของการใช้
"อำนาจศักดิ์สิทธิ์" อยู่ในตัว

ในทางการเมืองยุคปัจจุบัน อำนาจศักดิ์สิทธิ์ที่จับต้องได้
ก็คืออำนาจประชาชน โดยเฉพาะคืออำนาจมวลชนที่ตื่นรู้ มีปัญญา
มีเทียนปัญญาส่องแสงสว่างอยู่กลางใจ

พูดตรงๆ ก็คือ "อำนาจปัญญา" ของพวกเราชาวพันธมิตรฯ นั่นเอง

ดังนั้น การเสนอ "พรรคการเมืองใหม่"
เข้าสู่เวทีการเมืองในระบบรัฐสภา
จึงเป็นการสะท้อนภูมิปัญญาและเจตนารมณ์ร่วมกันของชาวพันธมิตรฯ
ทั้งในและต่างประเทศว่า ทั้งหมดนั้นก็เพื่อการสร้างการเมืองใหม่
"การเมืองศักดิ์สิทธิ์" ที่อำนาจประชาชนเป็นอำนาจกำหนดที่แท้จริง

เพื่อให้ความเข้าใจนี้ มีฐานทางทฤษฎีรองรับ
จึงขอให้ร่วมกันทำความเข้าใจสิ่งที่เราเรียกกันว่า "การเมืองใหม่" ดังนี้

การเมืองใหม่ คืออะไร?

1. การเมืองใหม่ เป็นสิ่งอุบัติขึ้นตามเหตุปัจจัยที่พร้อมแล้วโดยพื้นฐาน
ประเทศไทยได้ก้าวถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดภายหลังการเปลี่ยน
แปลงการปกครองปี 2475 ในบริบทของลักษณะยุคสมัย
และสภาวะเป็นจริงของประเทศไทยในปัจจุบัน การอุบัติขึ้นของระบอบทักษิณ
ที่นำไปสู่การอุบัติขึ้นของขบวนการจุดเทียนปัญญา
คือชนวนการเปลี่ยนแปลงที่มีลักษณะชี้ขาด
ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่นี้

2. การเมืองใหม่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยกำหนดทางประวัติศาสตร์
ตามความจำต้องเป็นไป หรือตามกฎเกณฑ์พัฒนาการของสังคมไทย
ซึ่งแสดงออกมาในรูปของความเรียกร้องต้องการของประชาชนชาวไทย
ที่ทนต่อไปไม่ได้กับการเมืองเก่า
ต้องการการเมืองใหม่มาแทนที่การเมืองเก่าในเร็ววัน
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของชีวิตไปในทางที่ดีกว่า

3. การเมืองใหม่เป็นสิ่งเกิดใหม่ในกรอบของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข โดยอำนาจประชาชน
ซึ่งเป็นอำนาจกำหนดใหม่เข้าแทนที่อำนาจกำหนดเก่าของกลุ่มทุนสามานย์
ระบบประชาธิปไตยมวลชนเข้าแทนที่ระบบเผด็จการรัฐสภา
ให้อำนาจกำหนดจากเบื้องล่างทำหน้าที่กำหนดการใช้อำนาจของผู้ใช้อำนาจเบื้อง
บน เพื่อประกันการใช้อำนาจของเบื้องบนเป็นไปเพื่อสาธารณชนอย่างแท้จริง
ยังประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง

4. การเมืองใหม่คือกุญแจไขประตูสู่อนาคตที่ดีกว่าของคนไทยทุกคน
เป็นตัวแปรสำคัญในการขจัดความเหลื่อมล้ำในสังคม
ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน
และเป็นหลักประกันสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยไปสู่สังคมอุดมธรรม
ซึ่งจะค่อยๆดำเนินไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
จนกระทั่งบรรลุสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

5. การเมืองใหม่มีที่มาทางประวัติศาสตร์
การเมืองใหม่
เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของขบวนการการเมืองภาคประชาชน
นำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ยึดมั่นและสืบสานปณิธานอันแน่วแน่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่ต่อสู้กับ
อำนาจเผด็จการทรราชทั้งในรูปเผด็จการทหารและเผด็จการรัฐสภามาเป็นระยะๆ
อย่างยืดเยื้อยาวนาน
มุ่งมั่นที่จะสถาปนาระบบการเมืองที่มีความเป็นประชาธิปไตย
สามารถนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่อนาคตที่ดีกว่า
เพื่อให้ประเทศไทยเป็นบ้านอยู่อู่นอนอันอบอุ่นและปลอดภัยของลูกหลานไทยได้
ชั่วกาลปาวสาน

6. การเมืองใหม่คืออำนาจกำหนดใหม่เข้าแทนที่อำนาจกำหนดเก่า
การเมืองใหม่ ในตัวเองก็คืออำนาจประชาชน ซึ่งเป็นอำนาจทางปัญญา
ของประชาชนที่ตื่นรู้ และรับรู้ในความเป็นจริงของประเทศชาติ
รวมตัวกันเข้าในรูปของขบวนการการเมืองภาคประชาชน
ปัจจุบันก็คือพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
แสดงบทบาทของความเป็นอำนาจกำหนดใหม่ ต่อสู้เอาชนะอำนาจกำหนดเก่า
ซึ่งปัจจุบันก็คือกลุ่มทุนสามานย์
สถาปนาอำนาจกำหนดใหม่แทนที่อำนาจกำหนดเก่าทีละขั้นๆ และทีละด้านๆ

ทั้งนี้ การสร้างการเมืองใหม่จะสำเร็จได้ก็ด้วยการสร้างอำนาจกำหนดใหม่ให้ยิ่งใหญ่
กว่าอำนาจกำหนดเก่าในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างอำนาจปัญญา

ปัจจุบันการสร้างอำนาจประชาชน หรืออำนาจกำหนดใหม่
จึงเป็นภารกิจพื้นฐานของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชน
เพื่อประชาธิปไตย

การ ต่อสู้เอาชนะอำนาจกำหนดเก่า
สถาปนาอำนาจกำหนดใหม่แทนที่อำนาจกำหนดเก่าในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา
กษัตริย์ทรงเป็นประมุข
โดยเนื้อแท้ก็คือการขับเคลื่อนของระบบประชาธิปไตยมวลชนที่อำนาจกำหนดเบื้อง
ล่าง ซึ่งเป็นต้นธารของอำนาจการเมืองใหม่
ทำหน้าที่กำกับการใช้อำนาจเบื้องบน
ประกันความถูกต้องของการใช้อำนาจเบื้องบนตั้งแต่ต้นจนปลาย

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064830

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น