++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ขายข้าว-เช่ารถเมล์ การเมืองน้ำเน่าหาประโยชน์!!

ในที่สุดโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4 พันคันเป็นเวลา10 ปี
ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)
ที่ผลักดันโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม โสภณ ซารัมย์ จากพรรคภูมิใจไทย
กลุ่ม "เพื่อนเนวิน" ก็ต้องหกคะเมนหัวทิ่ม ซื้อเวลาออกไปอีก 1 เดือน

แม้ว่าวงเงินล่าสุด ลดฮวบฮาบแบบกระหน่ำช่วงหน้าฝนจาก เดิม 6.9
หมื่นล้านบาท ลดลงมาเรื่อยๆ เหลือเพียง 6.4 หมื่นล้านบาท ก็ยังเอาไม่อยู่

ซึ่งที่ประชุมคณะรัฐมนตรีโดย นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
สั่งให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตั้งคณะกรรมการศึกษารายละเอียดให้รอบคอบ

หมายความว่า
ซื้อเวลาโครงการอัปยศเพื่อความสมานฉันท์ของพรรคร่วมรัฐบาลออกไปอีกชั่วระยะ
หนึ่ง หลังจากสังคมจับได้ว่าไม่ชอบมาพากล ออกมารุมด่ากันขรม

รับรู้กันไปแล้วว่ามีพวกนักการเมืองจ้อง "เขมือบ" กันอย่างไรบ้าง
ไม่ต้องอธิบายกันมาก

โดยในตอนแรกที่เคยสั่งเบรกก็ให้มีการศึกษาในเรื่องของราคา
และความคุ้มค่า แต่คราวนี้ก็ใช้วิธียื้อให้ศึกษาในเรื่องของการเปรียบเทียบผลดี
ผลเสีย ระหว่างการซื้อ หรือการเช่ารถเมล์ ว่าอย่างไหนจะดีกว่ากัน

สรุป ก็คือไม่ว่าจะเลือกวิธีแบบไหนก็ตามพวกนักการเมืองกลุ่มนี้ก็ได้ประโยชน์
และถึงอย่างไรคนกรุงเทพฯ ก็ต้องถูกบังคับมีโครงการแบบนี้
รวมทั้งต้องเสียงบประมาณอีกหลายหมื่นล้าน แม้จะอยู่ในช่วง "ถังแตก"
อย่างไรก็ตาม

พักเรื่องรถเมล์เน่าๆ เอาไว้ชั่วคราว
มาว่ากันถึงโครงการประมูลข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 4.4 แสนตัน
ต่อเนื่องมาถึงโครงการระบายข้าว 2.6 ล้านตัน
มาจนถึงโครงการรับจำนำข้าวนาปรังในฤดูกาลใหม่ ต่อเนื่องมาจนถึงม็อบชาวนา
ที่กำลังกระจายกันปิดถนนประท้วงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือ

ทุกกระบวนการก็ล้วนต่อเนื่องเป็นเรื่องเดียวกัน
ตัวละครก็เกี่ยวข้องกัน มาเป็น"แพกเกจ" จับมือผสมโรง กดดันต่อรอง
เพื่อหาผลประโยชน์นั่นเอง

หากย้อนกลับไปไม่นานก็จะเห็นการผลักดันโครงการระบายข้าว 2.6
ล้านตัน และข้าวโพด 4.4 แสนตันของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พรทิวา
นาคาศัย จากพรรคภูมิใจไทย ในนามกลุ่มภาคเหนือ ในสายของ "สมศักดิ์
เทพสุทิน"

และถ้ายังจำกันได้
ทั้งสองโครงการดังกล่าวถูกสั่งเบรกจากนายกรัฐมนตรี
พร้อมทั้งให้ทบทวนวิธีการใหม่
โดยเปลี่ยนจากเดิมที่เคยให้อำนาจของกระทรวงพาณิชย์
มาเป็นคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติที่มีรองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ
กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เป็นประธานเข้ามาดูแล และให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
เข้ามารับรู้ด้วย
แถมต่อมายังได้ใช้วิธีตัดวงจรด้วยการจะยกเลิกวิธีรับจำนำสินค้าเกษตร
ให้หันมาใช้วิธีประกันราคาเสียอีก

ทุกอย่างก็เลยทำท่าจะไปกันใหญ่!!

เมื่อยังไม่ลงตัว ทำนองเรื่องผลประโยชน์
เรื่องเงินเรื่องทองไม่มีทางยอมกันง่ายๆ
จึงต้องแก้เกมโดยมอบหมายให้รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ
มาประสานงาน "เกี้ยเซี้ย" อีกแรง

แต่อีกด้านหนึ่ง
ถ้ามองกันแบบให้เข้าใจง่ายแบบไม่มีอะไรซับซ้อนเหมือนกับว่าตอนแรกจะได้
"กินรวบ" อยู่แล้วเชียว แต่พอมาถูกขัดคอจะให้ "กินแบ่ง" มันก็เลยปรี๊ดแตก
หัวเสียเป็นธรรมดา

และเมื่อหัวเสียมันก็ต้องหาทางระบาย โชว์เพาเวอร์สั่งสอนเสียบ้าง
และบังเอิญว่าในช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มแบบนี้
ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (3 มิถุนายน) จะเริ่มขึ้น
ก็ดันมีม็อบชาวนาหลายจังหวัดทั้งในภาคเหนือและภาคกลาง
ออกมาชุมนุมปิดถนนประท้วงเรียกร้องให้รัฐบาลขยายเวลารับจำนำข้าวออกไปอีก
หลังจากมีพ่อค้าโรงสี หยุดจำนำอย่างกะทันหัน

อย่าง ไรก็ดี หากพิจารณาอย่างรู้ทันหลายฝ่ายกลับมองว่านี่เป็น
"เกม" ของคนกลุ่มเดียวกัน และเป็นเครือข่ายเดียวกัน
นั่นคือเครือข่ายจากพรรคภูมิใจไทย ที่ "เป่านกหวีด"
ส่งสัญญาณให้ออกมาเพื่อกดดันรัฐบาล
ที่มาเปลี่ยนแปลงนโยบายเกี่ยวกับสินค้าเกษตร
โดยให้อำนาจกลับมาอยู่ในมือของกระทรวงพาณิชย์เช่นเดิม

เพราะก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน มีรายงานว่า กลุ่มนักการเมือง
นัดหารือกับพ่อค้าโรงสีในภาคเหนือ และภาคกลางจำนวนหนึ่งที่ฮ่องกง
ก่อนลงมือปฏิบัติการ

นี่ ยังไม่นับกรณีที่บังเอิญมีข่าวว่า สมศักดิ์ เทพสุทิน
ได้ลงทุนบินสมทบกับ พรทิวา นาคาศัย ตั้งวงเคลียร์กับนายกรัฐมนตรี
หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมที่เกาหลี

และช่างบังเอิญเหลือเกินอีกก็คือ
ล่าสุดนายกรัฐมนตรีก็ได้สั่งขยายเวลา และโควตารับจำนำข้าวนาปรังออกไปอีก
2 เดือน

ดังนั้นหากพิจารณามาตั้งแต่ต้นก็จะพบว่า
ทุกเรื่องราวตั้งแต่รถเมล์เน่า มาจนถึงโครงการจำนำข้าว
และม็อบปิดถนนกดดัน ล้วนเกี่ยวโยงเป็นเรื่องเดียวกัน
การเมืองกลุ่มเดียวกันเพื่อกดดันต่อรองผลประโยชน์เฉพาะตัวเท่านั้น

และที่สำคัญนี่คือการเมืองน้ำเน่าที่มักนำมาใช้ เป็นเกมอยู่เสมอ
ทุกยุคทุกสมัย ไม่เคยเปลี่ยน!!


http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9520000062596

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น