++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

โรงเรียนในสังกัด อบจ.

โรงเรียนในสังกัด อบจ.
โดย ชัยอนันต์ สมุทวณิช


วันก่อนผมเล่าเรื่องโรงเรียนดีๆ ทั้งในอเมริกา นิวซีแลนด์ และอินเดีย
โรงเรียนเหล่านี้มีคุณภาพสูงกว่าโรงเรียนทั่วๆ ไปในเมืองไทยมาก
เพราะมีหลักสูตรที่กว้างขวางกว่า มีวิชาที่หลากหลาย มีอุปกรณ์การศึกษาดี
และที่สำคัญก็คือ มีครูเก่งๆ แยะ

โรงเรียนเอกชนในต่างประเทศส่วนใหญ่เกิดจากการก่อตั้งของนักบวชศาสนาคริสต์
นิกายต่างๆ เหมือนกับมหาวิทยาลัยเก่าแก่ในอังกฤษ และยุโรป
ในเมืองไทยเราก็เช่นกัน มีโรงเรียนอัสสัมชัญ เซนต์คาเบรียล วัฒนาวิทยาลัย
ปรินส์รอยฯ เป็นต้น

โรงเรียนที่ดีมักจะมีวิชาที่สอนเพิ่มเติมแตกต่างไปจากหลักสูตรทั่วไป
ปัจจุบันการสอน "ทักษะการคิด" เป็นวิชาที่กำลังเป็นที่นิยม
ในสิงคโปร์เมื่อสิบปีมาแล้ว พบปัญหาว่านักเรียนเรียนเก่งจริง
แต่ไม่รู้จักคิด เป็นคนน่าเบื่อ คนผู้ชายสิงคโปร์ไม่รู้จักจีบผู้หญิง
รัฐบาลต้องมีโครงการหาคู่ให้ รัฐบาลสิงคโปร์จึงติดต่อกับ Edward de Bono
ให้มาเปิดการสอน "การคิด" และต่อมาก็มีการนำวิชา "ทักษะการคิด" มาสอน
ปีนี้ทีมนักเรียนสิงคโปร์จากโรงเรียนแรฟเฟิล และแองโกลไชนิส 3
ทีมไปกวาดรางวัลชนะเลิศในการแข่งขันการแก้ปัญหาในอนาคตของโรงเรียนทั่วโลก
ชนะทีมอเมริกัน และนิวซีแลนด์ แชมป์เก่าขาดลอย

ผมได้นำเอาการสอนให้คิด การทำ mindmapping และทักษิณการคิด
ตลอดจนการคิดแก้ปัญหาในอนาคตมาสอนที่วชิราวุธวิทยาลัย
เมื่อเกือบสิบปีมาแล้ว แต่ปัจจุบันครู 3
คนที่เคยส่งไปอบรมวิชานี้อย่างเข้มข้น
มีประสบการณ์กว้างขวางเกิดออกมาจากโรงเรียนทั้งหมด
แต่ก็ยังดีที่ทั้งสามคนได้เคยอบรมครูให้แก่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้น
พื้นฐานในจังหวัดเชียงใหม่ให้

ที่น่าสนใจก็คือ เวลานี้ อบจ.ที่มีโรงเรียนดีๆ คือ อบจ.อุดรธานี
และ อบจ.เชียงราย ได้เห็นความสำคัญ และทำโครงการอบรมครูโรงเรียนสังกัด
อบจ.ในจังหวัดเรื่อง "ทักษะการคิด"
ทีมที่ว่านี้ได้ลงไปอบรมครูเป็นเวลาหลายเดือน

พูดถึง อบจ.และเทศบาลแล้ว เวลานี้มีนายก อบจ.
และนายกเทศมนตรีหลายจังหวัด
มีความตื่นตัวที่จะพัฒนาการศึกษาของจังหวัดมาก ที่เชียงราย
และอุดรธานีมีโรงเรียนเทศบาล และโรงเรียน อบจ.ที่ดี
มีนักเรียนอยากเข้าเรียนมากกว่าโรงเรียนสังกัด สพฐ. เสียอีก
ในอนาคตท้องถิ่นจะมีบทบาทในการจัดการศึกษามากขึ้น
แนวโน้มนี้จะทำให้ท้องถิ่นทุ่มเทให้กับการศึกษาเพราะการพัฒนาทางกายภาพถึง
จุดอิ่มตัวแล้ว และคนในท้องถิ่นเองก็เกิดความคิดที่จะเน้นการพัฒนาคนมากขึ้น

ผมเองก็ได้ใช้เวลายามเกษียณแล้วเดินทางไปบรรยายตามโรงเรียน อบจ.
และเทศบาลหลายแห่ง เมื่อเร็วๆ นี้ทาง อบจ.ระยองก็มาหา
ในฐานะที่แม่ผมเป็นคนระยองขอคำแนะนำ เพราะ อบจ.กำลังจะทำโรงเรียนแห่งใหม่

ผมเห็นว่าโรงเรียนที่ดีควรมีอะไรแตกต่างไปจากโรงเรียนทั่วไป จึงแนะนำไปว่า

1. ให้จัดหลักสูตรที่นักเรียนชั้น ม. 1-3
มีกิจกรรมกับวิชาพื้นฐานทั่วไป 50:50 โดยไปลดกิจกรรม
และเน้นวิชาการในระดับ ม. 4-6 เพราะนักเรียนต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย

2. ให้มีการเรียนดนตรี กีฬา ศิลปะ การออกแบบ และเทคโนโลยี
จัดให้มีอุปกรณ์ที่พร้อมสำหรับงานช่างไม้ ไฟฟ้า การออกแบบโดยคอมพิวเตอร์

3. ประสานงานกับโรงงานอุตสาหกรรม และสวนผลไม้ในจังหวัด
เพื่อให้นักเรียนไปทำงานในโรงงาน และในสวนผลไม้

4. ให้มีการเรียนการสอนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และวิถีเศรษฐกิจพอเพียง

5. วิชาภาษาอังกฤษให้ใช้ครูชาวต่างประเทศสอน

6. ให้จัดสวัสดิการสำหรับครู เช่น
บ้านพักภายในโรงเรียนเพื่อเป็นแรงจูงใจสำหรับครูเก่งๆ

อบจ.ระยองมีงบประมาณสำหรับทำโรงเรียน 500 ล้านบาท ผมให้ข้อคิดว่า
ควรจัดสรรงบประมาณสำหรับการพัฒนาครูด้วย
อย่าลงเงินไปในการก่อสร้างอาคารเท่านั้น ปีหนึ่งๆ
ครูมักจะมีโอกาสได้รับการพัฒนาฝึกอบรมน้อยมาก โดยเฉลี่ยแล้วจะตกหัวละ
1,000 กว่าบาทเท่านั้น

ความจำเป็นของการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในจังหวัดที่มีโรงงานอุตสาหกรรมมาก
และมีสวนผลไม้ที่ส่งผลไม้ออกต่างประเทศด้วย ย่อมมีสูง
หากเด็กระยองได้รับการศึกษาดี อุตสาหกรรมก็จะได้รับประโยชน์โดยตรง

แต่ภาคอุตสาหกรรมก็ต้องช่วยด้านภาษีด้วย
เมื่อทำอุตสาหกรรมในพื้นที่ ระยองก็ควรได้ภาษีมาใช้ในด้านการศึกษา
และการรักษาสิ่งแวดล้อม เวลานี้โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ในระยอง
จดทะเบียนในกรุงเทพฯ รถยนต์ของโรงงาน และของผู้ทำงานก็จดทะเบียนกรุงเทพฯ
ระยองจึงขาดรายได้จากภาษีไปปีละหลายพันล้านบาท
โรงงานและเจ้าของรถยนต์จึงควรคิดในเรื่องนี้ให้มาก
เพราะไปตั้งในจังหวัดส่งผลกระทบต่อคนในจังหวัด

ต่อไปนี้ผมคงจะมีโอกาสไประยองมากขึ้น
และจะได้ช่วยงานด้านการศึกษาของทั้งที่อุดรฯ เชียงราย ด้วย
http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000072994

ขอคิดเรื่องนี้ด้วยคน
ก่อน อื่นขอขอบคุณอาจารย์เขียนเรื่องการศึกษาให้อ่านกัน เนื่องจาก
การศึกษา สำคัญจริงๆ เพราะมันเป็น เครื่องมือ พัฒนาคน
ให้ถึงที่สุดของที่สุด
และขอชื่นชมและถือว่าโชคดีของประเทศสิงคโปร์ที่มีผู้นำทางจิตวิญญาณมองเห็น
ปัญหาและแก้ไปในทางที่ถูกต้องถูกทาง
เห็นด้วยที่การศึกษาของเขาเน้นทักษะการคิด
กลับมาถาม การศึกษาของเมืองไทย บ้างว่ามีปัญหาหรือไม่?
ถ้าตอบไม่ได้ก็ให้ถามต่อว่า ประเทศ มีปัญหาหรือไม่? น่าจะตอบได้และตอบว่า
มีและมีมากด้วย แสดงว่า การบริหารผิดพลาดแน่นอน และถามต่อว่า
ปัญหาอยู่ที่ไหนเกิดจากอะไร? ถ้าทำกระบวนการวิเคราะห์ก็จะทราบว่า
ปัญหาอยู่ที่คน และปัญหาของคนอยู่ที่การศึกษา
หรืออาจกล่าวในทางกลับกันได้ดังนี้ คน เป็น เครื่องมือ พัฒนาประเทศ และ
การศึกษา เป็น เครื่องมือ พัฒนาคน แสดงว่า
การศึกษาที่เป็นอยู่ผิดพลาดแน่นอนไม่นั้นประเทศจะไม่เป็นแบบทุกวันนี้
ลองประเมินจะพบว่าการศึกษาที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
๑)ไม่ปลูกฝังให้ซื่อสัตย์มีสัจจะมีความรับผิดชอบมีความละอายใจ
หรือไม่ปลูกฝังให้คิดดีตรงถูกต้องเป็นธรรมเป็นจริงมุ่งตอบแทนคุณแผ่นดิน
๒)ไม่ปลูกฝังให้มีแรงบันดาลใจ หรือ เปี่ยมด้วยอิทธิบาท ๔
รักมุ่งมั่นทุ่มเทเกาะติดตลอดชีวิตหมกมุ่นครุ่นคิดตลอดเวลา
๓)เรียนมากเรียนหนัก แต่ไม่เรียนวิธีเรียน
มีความรู้แค่ตามตำราแต่ไม่รู้ไม่รู้แจ้ง หรือ มีความรู้พื้นฐานไม่ดีเลย
คิดต่อยอดไม่ได้
๔)เรียนเพื่อแค่มีความรู้ แต่ไม่เรียนเพื่อคิดเป็น คือ
ไม่เรียนวิธีคิดหรือไม่โยนิโสมนสิการ ทำให้คิดไม่เป็นคิดเป็นแค่ทำสำเนา
๕) คิดต่อยอด คิดเชิงจินตนาการเชิงอนาคตเชิงวิสัยทัศน์
จากไม่ศึกษาปฏิบัติธรรมตามแนวของพระพุทธองค์ที่ทรงปฏิบัติอยู่ ๖
ปีก่อนตรัสรู้หรือไม่หมกมุ่นครุ่นคิดตลอดเวลาตลอดชีวิต
ความจริงพระองค์ ทรงมอบวิธีเรียนวิธีคิดให้พวกเรา
แต่พวกเราเองจับประเด็นไม่ได้เอง เลยไม่ต่างจากใกล้เกลือกินด่าง
น่าเสียดายเวลาเสียดายเงิน
ไพบูลย์/dr.bhiboons@yahoo.com
--
ตอนนี้ระยองมีโรงงานเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด
สงสัยว่าการจดทะเบียนโรงงานมีผลทำให้ระยองขาดรายได้จริง ๆ หรือ
มิน่าถึงได้เห็นป้ายโฆษณาเชิญชวนให้มาเป็นคนระยอง รักระยอง
เสียภาษีเพื่อพัฒนาระยอง
ใครรู้ช่วยอธิบายทีว่าการจัดเก็บภาษีของรัฐมีการจัดสรรนำไปพัฒนาท้องถิ่นของ
ผู้มีเงินได้ที่มีภูมิลำเนานั้น ๆ อย่างไร
เอ็ม
--
ผมเห็นด้วยครับที่ให่เด็กมัธยมมีโอกาสได้ลองไปเรียนรู้กับชีวิตจริงในการทำงานจะได้ประเมินได้ว่าชอชหรือไม่ชอบ

ในระยองอาจจะเพิ่มเรื่องการท่องเที่ยว การโรงแรม ร้านอาหาร(การทำ
การให้บริการ) ซึ่งใช้ทักษะหลายอย่างทั้งภาษา การบริการ

หนังสือ สื่อการสอน ที่ดีๆควรมีให้มากให้ทันสมัย

ถ้าไปฝึก ไปทำไม่ได้ ไปดูงาน ไปเยี่ยมชม ก็ยังดี
weee
--
ยิ่งนานวัน ระบบการศึกษาที่กระทรวงไร้การศึกษาธิการผลักดันออกมา
ยิ่งสนับสนุนสถาบันสอนพิเศษ
เพราะทำให้มหาวิทยาลัยขาดความศรัทธาต่อการให้ความรู้ของเด็กที่มาตามระบบ
เห็นได้จากการที่มหาวิทยาลัยจัดสอบตรงเองบ้าง จัดสอบความรู้เฉพาะบ้าง
อัน นี้ไม่รวมการสอบเพื่อหารายได้เข้ามหาวิทยาลัย ขอยกตัวอย่างที่จุฬาฯ
เปิดสอบอะไรไม่ทราบบ้าบอคอแตก ค่าสอบครั้งละไม่รู้เท่าไหร่
รายได้มหาศาลทั้งที่มีแหล่งอื่นมากมาย สอบอังกฤษ
สอบความรู้พื้นฐานทางวิจัย สอบภาษาไทย สอบความถนัดด้านสาขาต่างๆ
สอบเข้าไปไม่งั้นไม่ต้องมาเรียน

ขนมผสมน้ำยา ผลมาลงที่เด็ก อีกส่วนคือฆ่านิยมผู้ปกครอง พิมพ์ไม่ผิดหรอก
เพราะมันฆ่าความเป็นเด็กออกจากลูกหลานหมดแล้ว เด็กประถม เสาร์ อาทิตย์
เรียนพิเศษทั้งวัน (ไม่นับวันธรรมดา "ต้อง"
เรียนพิเศษตอนเย็นที่สอนโดยครูที่สอนตอนกลางวันนั่นแหละ ไม่งั้นสอบตก)

ธุรกิจการศึกษาหากินง่ายที่สุด เพราะเหยื่อคือเด็ก
ปัจจัยเสริมคือความรักที่พ่อแม่มีต่อลูก
กลัวลูกจะด้อยกว่าเพื่อน(ของพ่อแม่)

สัก วัน อาจต้องเชิญนักวิชาการเวียดนาม เขมร มาวางระบบการศึกษาให้เด็กไทย
มันน่าอนาถ เรามีเจ้าฟ้านักการศึกษาอยู่กับแผ่นดินแท้ๆ
ไม่เคยมองเห็นความเป็นอัจฉริยะของท่าน
นักคิดในกระทรวงคงเห็นแต่ภาพตัวเองรอรับเสด็จ ยิ้มหวานใส่กล้อง
อ่านถวายพระเกียรติ แต่ไม่ได้นำพระราชดำริมาใช้จริง

ระวังเถอะครับ พม่าเขาเลิกรบกันเองเมื่อไหร่ อาจพัฒนากว่าไทยก็ได้
กรรมของเด็กไทย
--
ขอถามหน่อยนะคะว่าระบบการศึกษาปัจจุบันเป็นเช่นไร
ทำไมเด็กต้องเรียนพิเศากันมากมายขนาดนี้ ในโรงเรียนไม่สอนหรือ
ที่นครสวรรค์ สาบันกวดวิชาเป็นดอกเห็ด ตัวอย่างครูอุ๊ ครูสมศรี Apply
physic The brain ค่าเรียนก็แสนแพง แล้วให้ไปนั่งดูซีดี กัน
เด็กก็แย่งกันเรียน มีเภสัชมาสอนเคมี คิดแล้ว สอนเด็กห้องละ 100 คน
ตกชั่วโมงละ 5000 บาท แล้ว
ธุรกิจนี้ไม่ต้องเสียภาษี(มีคนบอก)อยากให้อาจารย์ช่วยเขียน
บทความแจกแจงระบบการศึกษาในประเทศไทยว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้
ไหนว่าปรับระบบแล้วการเรียนพิเศษจะลดลง ขนาด GAT PAT ยังต้องติวเลย
บ้าไปใหญ๋แล้ว เด็กท่ไกลๆจะหมดโอกาสนะ
ขอบพระคุณล่วงน้ค่ะ
--
ไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะทำการศึกษาในระยองเพื่อให้จบมาทำงานในโรงงานอุตสาหกรรมและสวนผลไม้ระยอง
น่า จะเป็นหลักปรัชญาการศึกษาว่าเพื่อพัฒนาให้เป็นคนดีมีความรู้คู่คุณธรรม
และจะประกอบอาชีพอะไรก็ตามที่ใจรัก แต่ควรจะเป็นอาชีพที่สุจริต
และมีจิตสำนึกเพื่อส่วนรวม
ระยองเองกำลังกลายเป็นเมืองที่ปนเปื้อนด้วย
มลพิษทุกด้านและคนระยองมีอัตราเป็นมะเร็งสูงสุดในประเทศ
นโยบายโชติช่วงชัชวาลกำลังออกฤทธิ์ออกเดช
คนระยองกำลังต่อสู้เรื่องนี้
และควรให้เด็กนักเรียนระยองได้รับรู้ถึงจะเรียกได้ว่าการศึกษาจริง ๆ
เหมือนกับที่เตรียมอุดมเอาเรื่องการรณรงค์ของสีเหลือง
เสื้อแดงมาสอนในห้องเรียน
เด็กไทยควรเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ และคิดวิพากษ์เป็น
ครูเองก็ต้องกล้าเปิดใจให้เด็กคิดต่างได้
และควรให้เด็กสำนึกว่าโลกใบนี้มีอะไรมากกว่าที่คิดหาเงินหรือความสนุกใส่ตัว
ขอคิดต่าง
--

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น