++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

วิธีขจัดนักการเมืองหน้าหนา!

โดย ราวี เวียงพยัคฆ์


นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
กล่าวถึงกรณีที่นายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย
อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่โดนตัดสิทธิทางการเมืองจากคดียุบพรรค
ร่วมลงพื้นที่กับพรรคภูมิใจไทยว่า
เรื่องกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองแล้วไปดำเนินกิจกรรมทาง
การเมือง ไม่ว่าจะเป็นการปราศรัย ไปแสดงตัว
ไปเยี่ยมชาวบ้านโดยตามคนอื่นไปนั้น ต้องดูข้อเท็จจริงเป็นเรื่องๆ
ว่าเป็นกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพราะการเพิกถอนสิทธิจากกรณียุบพรรค
หลักๆ คือ ห้ามกรรมการบริหารพรรคคนนั้นๆ ไปจดแจ้งตั้งพรรคใหม่
ห้ามไปมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคใหม่ และห้ามกระทำการในลักษณะบริหารพรรค
ฉะนั้นก็ต้องดูข้อเท็จจริง ดูการให้การของพยานถ้ามีการร้องเรียนมา
บางครั้งความรู้สึกที่คนมองกับเมื่อเป็นสำนวนแล้วมีพยานให้การ
ก็ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน จะใช้ความรู้สึกไม่ได้

ในฐานะที่เป็นอดีตอัยการใหญ่ ท่านก็ต้องบอกว่า
ต้องว่าไปตามพยานหลักฐาน จะใช้ความรู้สึกไม่ได้

การเกิดขึ้นของรัฐบาลผสมที่มีพรรคประชาธิปัตย์กลายมาเป็นแกนนำ
มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี คงปฏิเสธไม่ได้ว่า
บุคคลสำคัญที่ทรงอิทธิพลที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว คือ นายเนวิน ชิดชอบ
อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย อดีตลูกกะแป้ของ ทักษิณ ชินวัตร

ข้อเท็จจริงนี้นายประพันธ์ นัยโกวิท
กกต.ก็คงทราบตระหนักชัดเจนว่า นี่มิใช่ความรู้สึก
เพียงแต่กฎหมายมีช่องว่างให้เอื้อมไม่ถึง

ถึงเวลานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรีบัณฑิตจากสหราชอาณาจักร ต้นแบบของประชาธิปไตย
ต้นแบบของการเมืองแบบผู้ดีก็อาจจะบอกว่า ไม่มีอะไรมาก กอดกันเฉยๆ
เพราะรักใคร่สนิทเสน่หากันเป็นการส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการเมือง

ถึงเวลานายเนวิน ชิดชอบ ก็อาจจะมองว่า ไม่มีอะไรมาก เขาเป็นคนไทย
ย่อมมีสิทธิที่จะเดินทางไปไหนต่อไหนได้ อย่าว่าแต่อำเภอพรรณานิคม สกลนคร
ที่พัทยา ชลบุรี ก็เคยไปมาแล้ว เมื่อวันที่รัฐบาลจัดประชุมอาเซียน

เมื่อไม่นานมานี้ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ตัดสินใจพุ่งลงหน้าผาเพราะอับอายที่ถูกกล่าวหาว่าคอร์รัปชัน

เมื่อหนึ่งปีมานี้ผู้ว่าการนิวยอร์กที่มีอนาคตทางการเมืองค่อนข้างจะสดใจ
อาจจะถึงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ ตัดสินใจยุติบทบาททางการเมือง
เพราะถูกจับได้ว่า เบื้องหลังชีวิตที่ค่อนข้างสะอาดของเขานั้น
ใช้ชีวิตสำเริงสำราญกับนางทางโทรศัพท์

ทำไม นักการเมืองของบ้านเรากับนักการเมืองต่างชาติจึงแตกต่างกันอย่างนี้
ทำไมหนังหน้านักการเมืองบ้านเราจึงหนากว่านักการเมืองชาติอื่นเขา?

ความคิดที่จะปฏิรูปการเมืองจะต้องพิจารณาเรื่องนี้
ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
การปฏิรูปการเมืองจึงจะสำเร็จได้
หาไม่แล้วจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอีกสักกี่ครั้งกี่หน ก็หาได้เกิดการปฏิรูปไม่

มีแต่จะก้าวสู่ปฏิกูล

จำได้ไหมเล่า เมื่อครั้งนายเนวิน ชิดชอบ
เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ศาลตัดสินจำคุกในคดีหมิ่นประมาท
มีเสียงเรียกร้องให้เขาลาออก ก็จะมีเสียงย้อนกลับมาว่า
คดียังไม่ถึงที่สุด และถ้าหากคดีถึงที่สุดก็คงจะต้องมาตีความกันอีกว่า
ศาลสั่งจำคุกโดยรอลงอาญา หรือให้จำคุกจริงๆ

นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดว่า ขาดคุณสมบัติในการเป็นรัฐมนตรี
เพราะภรรยาของเขาแจ้งบัญชีทรัพย์สินไม่ถูกต้อง นายไชยา
พ้นจากรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเดือนกว่าๆ
ก็กลับมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

เมื่อจะมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแทนนายยงยุทธ ติยะไพรัช
ที่ลาออกไปเพราะโดนคดีทุจริตการเลือกตั้ง นายชัย ชิดชอบ บิดาของนายเนวิน
ชิดชอบ จะได้ตำแหน่งดังกล่าว นักข่าวไปถามว่า
จะเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรโดยที่มีคดีรถไฟที่เขากระโดงอยู่อย่างนี้หรือ

นายชัย ชิดชอบ ตอบว่า ไม่เป็นไร คดีของผมยังอยู่อีกนาน
เป็นประธานสภาฯ แล้วคดีก็อาจจะยังไม่จบ

และเมื่อนายสมัคร สุนทรเวช ถูกศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าขาดคุณสมบัติ
เพราะมีผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีที่เป็นนายกรัฐมนตรีด้วย
รับจ้างแสดงการทำอาหารทางโทรทัศน์ด้วย
วันรุ่งขึ้นพรรคพลังประชาชนก็ยังจะเข็นนายสมัคร สุนทรเวช
กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก เพียงแต่ว่า เกิดการแตกกันภายในพรรคเสียก่อน
ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ บุญหล่นทับจนตีนบ่วม ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ยังมีอีกหลายต่อหลายกรณีที่แสดงให้เห็นว่า
นักการเมืองบ้านเราหน้าหนาจริงๆ หน้าหนาได้สมบูรณ์แบบ จนกระทั่ง
กกต.จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

และเมื่อจับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็หาทางออกว่า
จะใช้ความรู้สึกกับเรื่องนั้นๆ ไม่ได้

เราจะรอให้นักการเมืองเกิดสำนึก เกิดความอาย
มีจริยธรรมขึ้นมาเองคงจะเป็นไปไม่ได้
เพราะสำนึกของพวกเขามีอยู่อย่างเดียวว่า
ทำอย่างไรจะเอาชนะการเลือกตั้งได้
ชนะการเลือกตั้งแล้วจับกลุ่มกันให้ได้เพื่อที่จะได้โควตารัฐมนตรี

เป็นรัฐมนตรีกระทรวงไหนก็ได้ แต่ถ้าหากกระทรวงใหญ่หน่อยก็จะดี
เพราะมีงบประมาณมาก มีโปรเจกต์ในการจัดซื้อจัดจ้างเยอะ

ความรู้ความสามารถที่ตัวมีอยู่ไม่เป็นไร
เพราะการเป็นรัฐมนตรีประเทศไทยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ความรู้ความสามารถ

ภูมิหลังของตัวจะชั่วจะดีจะเลวอย่างไร
พ่อแม่จะประกอบอาชีพค้าผู้หญิง เปิดบริการสถานอาบอบนวดหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
เพราะนายกรัฐมนตรีที่มีพื้นฐานทางการศึกษาจากเมืองผู้ดี วัตรปฏิบัติดี
ท่านก็ยังไม่ถือสาอะไรกับคนอื่น

นักการเมืองส่วนใหญ่เขาจะคิดกันอย่างนี้
พวกเขาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องละอาย
(ถ้าหากอายเป็นเขาก็ไม่เล่นการเมือง) ไม่ต้องมีจริยธรรม (เพราะถ้ามี
เขาก็ไม่มาเป็นนักการเมืองเน่าๆ อย่างนี้)

ปัญหาจึงอยู่ที่ประชาชนทั้งหลายทั้งปวงจะต้องให้บทเรียนแก่นักการเมือง
ให้พวกเขาปฏิรูปพวกเขากันเอง
เริ่มจากประชาชนจะต้องไม่สนใจไม่หย่อนบัตรลงคะแนนให้นักการเมืองประเภทหน้า
หนาอีกต่อไป ให้พวกเขาล้มหายตายจากไปจากเวทีการเมือง

พรรคการเมืองก็ต้องปฏิรูปตัวเองด้วยการไม่ส่งนักการเมืองประเภทหน้าหนาลง
สมัครรับเลือกตั้ง เพราะรู้ว่าส่งไปก็ไม่มีประโยชน์
ส่งไปประชาชนก็ไม่เลือก

ในที่สุดนักการเมืองเลวๆ ก็จะค่อยๆ สูญพันธุ์ไป

คิด แก้ไขรัฐธรรมนูญเหรอครับ
นักการเมืองชั่วพวกนี้ก็จะหาช่องโหว่ ช่องว่างตรงไหนจะลอดไปได้
ตรงไหนกฎหมายจะเอาผิดไม่ได้
เพราะพวกเขารู้ว่าทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน
จะใช้ความรู้สึกไม่ได้อย่างที่ กกต.ใหญ่ท่านว่าเอาไว้


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000064295

การที่นักการเมืองต่างชาติเขามีความละอายต่อความผิด
ซึ่งแตกต่างกับนักการเมืองไทยนั้น
ผมคิดว่าเพราะบ้านเมืองเขาสังคมของเขาหากรู้ว่าใครทำผิดคิดไม่ชอบต่อหน้าที่
มีการคอร์รัปชั่นไม่ว่าจะโดยตรงหรือทางอ้อม
แค่มีมูลว่ามีความเป็นไปได้สูง
นักการเมืองคนนั้นจะรีบลาออกทันทีส่วนเรื่องคดีความก็ว่าไปอีกทางหนึ่ง
เพื่อแสดงให้สังคมได้เห็นว่าเขารับผิดชอบ
และในต่างประเทศนักการเมืองที่ฉ้อฉลและโดนจับได้
ชาวบ้านจะไม่คบหาด้วยไม่ว่านักการเมืองคนนั้นจะมีเงินมากมายแค่ไหนก็ตาม
ซึ่งเรื่องนี้มันผิดแผกแตกต่างกับบ้านเรา เพราะแม้อดีตนายกทักษิณ
ถูกศาลพิพากษาว่าผิดต้องจำคุก 2 ปี
แต่เมื่อคราวที่มาไทยผมก็ไม่เห็นชาวบ้านออกมาต่อต้านโดยเฉพาะเพื่อนบ้านแถว
บ้านจันทร์ส่องหล้า แล้วยังมีนายตำรวจไปกุมมือคอยต้อนรับเสียอีก
เรื่องพวกนี้จะไม่เกิดในต่างประเทศเลย แต่บ้านเราเป็นเรื่องปกติ
เพราะเงินเป็นใหญ่ ใหญ่จริงๆนะครับ
แม้คนระดับสูงบางคนยังออกมาแก้ตัวให้อดีตนายกเลยอย่างที่เป็นข่าว
แล้วคนไทยเราจะว่าอย่างไรครับกับเรื่องนี้
ดำเกิง

++
พูดแบบนักวิชาการ "อย่าเลือกมัน" แต่ขอถามหน่อย
1. มีคนดีมาสมัครให้เลือกหรือเปล่า
2. ไอ้คนดีนะมันดีจริงหรือเปล่า ใครรับรอง
3. คู่แข่งมาแรง ส่วนใหญ่เห็นเป็นไข้โป้งหมด
4. คนส่วนใหญ่ยังยากจน อาจรู้ไม่เท่าทัน ได้เท่านี้เอาไว้ก่อนวะ
เพราะใครเป็นรัฐบาล เขาก็ไม่มีอะไรดีขึ้นกว่าเดิม คือ ยากจนเหมือนเดิม
++ ทางแก้นะครับ ขออภัยอาจแรงไปหน่อย ยิงมันทิ้งโชว์แขก ซุก 2-3 ราย
ไอ้ที่เหลือไม่กลัวตายก็ให้มันรู้ไป ใช้หอกนั้นคืนสนอง จะได้ผลเร็วกว่า
แล้วก็มาถึงคำตอบสุดท้าย "ใครจะเป็นคนลงมือ" เฮ้อ....
0000

+
-การที่นักการเมืองบ้านเราเป็นอย่างนี้เพราะประชาชนส่วนใหญ่ยังยอมรับกับเงินทองที่พวกเขามี

-โดย เฉพาะสื่อสารมวลชนบ้านเรา ทำหนังสือพิมพ์เป็นอาชีพ
แต่ไม่เคยลงข่าวที่ควรจะลงให้ประชาชนทราบว่านักการเมืองบ้านเราเป็นอย่างไร
ไม่เคยพยายามทำตัวเป็นยามเฝ้าแผ่นดินเหมือนผู้จัดการ
และเจ้าของคือคุณสนธิ

-ที่ บ้านเมืองเป็นอย่างนี้ก็เพราะคนต่างจังหวัดยังอยู่ในสภาพไม่พร้อมที่จะ
ต่อสู้ อาจจะกลัวถูกลอบฆ่า หรือกลัวจะอดตายก็ต้องรับเงิน
แต่ที่สำคัญตำรวจไทยเกือยทั้งร้อยอยู่ภายใต้อำนาจนักการเมือง
ก็เลยปล่อยให้ชาวบ้านนักต่อสู้ตายไปที่ละคน สองคน

-ที่นักการเมือง
บ้านเราดูถูกประชาชนเพราะก็เขารู้ว่าเงินยังซื้อประเทศไทยได้อีกนาน
เพราะการศึกษา และเศรษฐกิจของชาวบ้านในชนบท ยังไม่มีความแข็งแรง

-ผม ยังมีความหวังเล็ก ๆ ว่า
บ้านเมืองนี้ยังสามารถกอบกู้ได้ถ้าเราได้พรรคการเมืองที่ดี
และมีนักการเมืองที่ดี แต่ย้อนไปในประวัติศาสตร์
คนดีมักไม่มีโอกาสเข้ามาสู่การเมือง
เพราะการปฏิรูปการเมืองไม่ได้สร้างโอกาสให้กับคนดี คนดีมักไม่ร่ำรวย
มักไม่มีเงิน แต่ทำไมภาครัฐ หรือองค์กรอิสระอย่าง
กกต.เอาเงินไปให้พรรคการเมืองทำไม

-พวกคุณน่าจะแก้ไขโดยตัดงบที่พวก คุณให้กับพรรคการเมือง
แล้วคุณก็เอางบเหล่านั้นมาทำป้ายให้กับทุกพรรค
และทุกเขตเท่าเทียมกันทุกพรรค
โดยที่ไม่ให้ใครเอาป้ายมาติดเพิ่มมากกว่าที่คุณติดให้
และหลังจากที่พรรคส่งคนลงสมัครแล้ว คุณก็ให้แต่ละคนไปเอาเงินจากคุณ
แล้วที่เหลือคุณก็ให้พรรคไป

-คุณเชื่อไหมว่า
พรรคการเมืองเอาเงินไปแล้วไม่ค่อยได้ใช้อย่างที่ควรจะเป็น
เขตไหนมีโอกาสมากเขาก็เอาเงินให้เขตนั้น ส่วนผู้สมัครรอง ๆ ลงไป คนดี
หรือไม่ดี เขาก็ไม่สนับสนุน แถมบางครั้งค่าใช้จ่ายของพรรค
ยังให้ผู้สมัครลงบัญชีให้ ผมก็ไม่ทราบว่า พวกท่านทั้งหลายนั้งทำอะไรอยู่
ผมก็ไม่ได้ว่า กกต.อย่างเดียว
และมีองค์กรไหนบ้างที่จะร่วมกันช่วยแก้ไขบ้านเมือง

-ตราบใดที่พวกคุณ ยังปล่อยให้การเลือกตั้ง เป็นของพวกที่มีเงิน
แต่ไม่รู้เอาเงินมาจากไหน มันก็ป่วยการที่จะแก้ไขบ้านเมือง
พวกท่านทั้งหลายที่มีศักยภาพในการแก้ไข ลองดูซิว่า
ถ้าท่านพยายามช่วยคนดีดังที่ผมเสนอมา จะทำให้บ้านเมืองนี้ดีขึ้นไหม
แต่ถ้ายังปล่อยกันไว้แบบนี้ พวกเขาก็จะพยายามโกง
เพื่อเตรียมเงินไว้เลือกตั้ง

-ท่านให้เขตละเท่าไหร่ ท่านก็ลองคิดกันดูว่า
คนดีก็จะนำเงินเหล่านั้นไปทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างแท้จริง

-ผม ก็ให้ขำ ท่านตรวจบัญชีการใช้จ่าย พวกที่ใช้เงินเกินกว่าที่ท่านกำหนด
ก็สามารถผ่านไปได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ ท่านก็ไม่พยายามแก้ไขกัน
ท่านผู้มีอำนาจทั้งหลาย ท่านกำลังทำหน้าที่อะไรอยู่ครับ
ไม่สงสารบ้านเมือง และลูกหลานที่จะต้องอยู่กันต่อไป
แต่จะไม่มีประเทศให้อยู่ ๆ แล้ว

-เรา น่าจะลองหาวิธีการจัดการกับพรรคการเมืองที่เลว
เพื่อสกัดนักการเมืองที่เลว
และจัดสรรงบประมาณเพื่อไม่ให้มีแต้มต่อกันมากนัก
ก็จะทำให้คนดีอยากเล่นการเมืองกันบ้าง
เพราะคงไม่มีใครอยากเอาเงินของตัวเองมาถลุงทั้ง ๆ
ที่ทั้งชีวิตกว่าจะหามาได้ ไม่เหมือนไอ้พวกที่โกงกินมา
ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือข้าราชการที่เป็นสุนัขรับใช้นักการเมืองเลว
ๆ ช่วยกันโกงชาติบ้านเมือง

-ลองดูนะครับ ช่วยกันคนละไม้ คนละมือ สกัดนักการเมืองเลว ฟ
ออกจากสภาเสียที มิเช่นนั้นเราอาจจะรักษาบ้านเมืองเอาไว้ไม่ได้

-ต้อง ขอโทษที่วันนี้เขียนแรงไปหน่อย ก็ให้สมกับหัวข้อเรื่องและได้รู้สึก
รู้สมกันบ้าง ท่านผู้มีศักยภาพในการแก้ไข ช่วยกันหน่อย
อย่ามัวแต่พูดกันอย่างเดียว พยายามแก้ไขด้วย เพราะท่านเก่งๆ กันทั้งนั้น
แต่ไม่รู้ว่าจะกลัวอะไร และไม่ต้องบอกว่า อย่าเอาความรู้สึกมาวัด
ต้องเอาหลักฐาน ท่านจะรอหลักฐานอะไร ข่าวก็ออกมาโต้ง ๆ อย่างนั้น
ว่าเป่านกหวีด

-อย่างนี้เขาเรียกว่าแสดงเพาเวอร์ หรือ The Show must go on
หรืออย่างไรครับ ท่านหัวหน้าพรรคตัวจริง เทห์มากใช้นกหวีดเป่า
แล้วแถมยังให้สัมภาษณ์อีกว่า จัดทีก็ได้สมาชิกเพิ่มที
แล้วจะรออะไรอยู่อีกครับ ท่าน กกต.

-ต้องขอโทษถ้าการเขียนข้อความไป ทำให้ใครบางคนไม่สบายใจ
แต่ต้องทำให้เด็ดขาด บ้านเมืองไม่ใช่ของเล่น
บรรพบุรุษตายมามากเท่าไหร่แล้ว เพื่อรักษาไว้ให้พวกเรา
ทดแทนบุญคุณแผ่นดินกันบ้าง
จุมพล
++

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น