++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

การเมืองใหม่ ใครทำ? ทำอย่างไร?

โดย สันติ ตั้งรพีพากร


การประกาศก่อตั้งพรรคของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งยิ่งใหญ่
กำลังเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ด้วยน้ำมือของประชาชนชาวไทย
ภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์
"ประชาธิปไตยมวลชน" ที่จะทำให้การเมืองใหม่ของประเทศไทยมีความก้าวหน้า
สามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกๆ ด้านและตลอดไป

เพราะสิ่งที่ชาวพันธมิตรฯ
กำลังทำอยู่สอดคล้องกับความเรียกร้องต้องการของประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ที่ต้อง
การพาตนเองให้หลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์การเมืองเก่า
อีกทั้งสอดคล้องกับลักษณะยุคสมัยที่อำนาจประชาชน (ในรูปแบบต่างๆ เช่น
การรักษาสิทธิ และการทำหน้าที่ของพลเมือง) กำลังเติบใหญ่ขึ้นเป็น
"อำนาจกำหนดใหม่" ของสังคมโลก

สิ่งที่จะช่วยอธิบายให้เห็นพัฒนาการของ
"อำนาจกำหนดใหม่"ในประเทศไทย ก็คือ 3
ปรากฏการณ์สำคัญบนเส้นทางการต่อสู้ของประชาชนชาวไทยภายใต้การนำของพันธมิตร
ประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตั้งแต่ปลายปี 2548 เป็นต้นมา อันได้แก่ 1.
ปรากฏการณ์สนธิ 2. ปรากฏการณ์พันธมิตรฯ และ 3.ปรากฏการณ์การเมืองใหม่

ทั้ง 3 ปรากฏการณ์มีความเชื่อมโยงเป็นเหตุเป็นผลของกันและกัน
เป็นกระบวนการพัฒนาต่อเนื่องที่มีความเป็นเอกภาพกันในตัว
โดยสามารถอธิบายให้เห็นถึงนัยสำคัญของปรากฏการณ์ทั้ง 3 ได้ดังนี้

1. นัยสำคัญของปรากฏการณ์สนธิ ( ก.ย. 48 - 9 ก.พ. 49)

การจุดเทียนปัญญาดวงแรกของคุณสนธิ ลิ้มทองกุล
ได้นำไปสู่การเกิดขึ้นของเทียนปัญญาล้านดวง
สาดแสงส่องสว่างไปทั่วฟ้าเมืองไทย เผยให้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของทักษิณ
ชินวัตร มีผู้เห็นด้วย
พากันเข้าร่วมและสนับสนุนอย่างล้นหลามในชั่วระยะเวลาอันสั้น
ให้สัญญาณชัดเจนว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สามารถเกิดขึ้นได้

2. นัยสำคัญของปรากฏการณ์พันธมิตรฯ

ห้วงที่หนึ่ง (9 ก.พ. - 19 ก.ย. 49)
ขบวนการการเมืองภาคประชาชนก้าวขึ้นสู่เวทีบนฐานของปรากฏการณ์สนธิ
มีการก่อตั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่มีคุณสนธิและผู้นำจากสายงาน
ต่างๆของขบวนการการเมืองภาคประชาชนประกอบกันเข้าเป็นแกนนำ
เกิดการนำรวมหมู่ ดำเนินการต่อสู้ สานต่อและขยายแนวทางการต่อสู้
ยกระดับเป้าหมายจากการเปิดโปง เป็นการขับไล่ทักษิณ ชินวัตร
ให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
พร้อมกับชี้ให้เห็นถึงความชั่วร้ายของระบอบทักษิณ
ที่มีต่อประเทศชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์
ปรากฏมีผู้เข้าร่วมและสนับสนุนพันธมิตรฯ จำนวนเพิ่มขึ้นมาก
จนเป็นที่หวาดหวั่นของกลุ่มการเมืองในระบอบทักษิณ

ห้วงที่สอง (25 พ.ค.- 2 ธ.ค. 51)
ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ได้ยกระดับการต่อสู้จากการต่อต้านการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญบางมาตรา
เป็นขับไล่รัฐบาลนอมินี โค่นล้มระบอบทักษิณ
แกนกลางของระบบการเมืองเก่าในเวลานั้น อีกทั้งในระหว่างนั้น
ก็ได้มีการนำเสนอการเมืองใหม่ให้เป็นทางออกของประเทศไทยด้วย เสียง
"ล้างการเมืองเก่า สร้างการเมืองใหม่" โดย "ประชาชนเป็นเจ้าภาพ"
ดังกระหึ่มขานรับกันอยู่ตลอดเวลา ณ ที่ชุมนุม
และได้กระจายไปทั่วทั้งในและต่างประเทศ
ผ่านระบบสื่อสารยุคใหม่ทั้งเอเอสทีวี วิทยุชุมชน และอินเทอร์เน็ต

ภายหลังการล้มครืนของรัฐบาลนอมินี ตัวแทนของระบอบทักษิณ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั่วประเทศ
ได้เคลื่อนไหวชุมนุมกันในรูปแบบต่างๆ อย่างคึกคักต่อเนื่อง
สานต่อแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่
เกิดประกายความคิดเรื่องการตั้งพรรคการเมือง
ซึ่งได้รับการขานรับจากทุกภาคส่วนอย่างรวดเร็วดุจไฟลามทุ่ง
จนกระทั่งแกนนำพันธมิตรฯ ต้องแสดงท่าทีสนับสนุนและเห็นด้วย
พร้อมกับนัดหมายทำการประชุมสภาพันธมิตรฯ ทั่วประเทศ
พิจารณาข้อเสนอดังกล่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 พ.ค.52
โดยที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ตั้งพรรคการเมือง
มีสถานภาพเป็นเครื่องมือสำคัญอีกอย่างหนึ่งของพันธมิตรฯ เฉกเช่นเอเอสทีวี
อันเป็นการสร้างความพร้อมให้มากยิ่งขึ้นสำหรับการขับเคลื่อนกระบวนการการ
เมืองใหม่ ต่อสู้เอาชนะการเมืองเก่า และสร้างการเมืองใหม่ได้ในที่สุด

ต่อมาในวันที่ 25 พ.ค. 52
มติดังกล่าวก็ได้รับการรับรองด้วยฉันทามติจากที่ชุมนุมใหญ่ของชาวพันธมิตรฯ
ทั่วประเทศ ณ สนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต

ทั้งหมดนั้นนับเป็นการเริ่มต้นอย่างเต็มรูปแบบของระบบการใช้อำนาจตัดสินใจ
ของพันธมิตรฯ ที่ยึดถือเอาการใช้อำนาจจากเบื้องล่างเป็นฐาน
เป็นระบบการใช้อำนาจแบบใหม่ที่พันธมิตรฯ ริเริ่มและพัฒนาขึ้นมา
เพื่อให้เป็นระบบการใช้อำนาจแบบใหม่ ที่เรียกกันว่า
"ระบบประชาธิปไตยมวลชน" เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนาขยายตัวของพันธมิตรฯ
และเป็นหัวใจของการเมืองใหม่
ในรูประบบอำนาจกำหนดใหม่ที่จะเข้าแทนที่ระบบอำนาจกำหนดเก่าต่อไปในอนาคต

ระบบนี้มีนัยของความเป็นแก่นแกนของการเมืองใหม่
มีนัยของประชาธิปไตยประชาชนยิ่งกว่าประเทศใดๆ
เป็นสิ่งประดิษฐ์คิดค้นของมวลชนชาวพันธมิตรฯ อย่างแท้จริง

ระบบนี้จะประกันให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
และพรรคการเมืองของตน หรือกระทั่งรัฐบาลที่พรรคพันธมิตรฯ เป็นแกนนำ
สามารถปฏิบัติภาระหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สะอาดโปรงใส ไร้มลทิน
ยังประโยชน์สูงสุดแก่ส่วนรวม สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของมวลประชามหาชน
เจ้าของอำนาจกำหนดใหม่อย่างแท้จริง

3. นัยสำคัญของปรากฏการณ์การเมืองใหม่ (25 พ.ค. 52- ปัจจุบัน)

การประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ได้ส่งผลสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วแผ่นดิน
มีเสียงขานรับอย่างเซ็งแซ่จากวงการต่างๆ อย่างกว้างขวางและฉับพลันทันใด
นั่นหมายถึงว่า การประกาศก่อตั้งพรรคการเมืองของพันธมิตรฯ
ได้เปิดมิติใหม่ทางการเมืองให้แก่สังคมไทยแล้ว

http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000061828

ผมมองเห็นว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงระบบการเมืองได้
ไม่เคยมีที่ไหนสามารถทำได้โดยไม่ใช้การปฏิวัติยึดอำนาจ
ดังนั้นการตั้งพรรคการเมืองเพื่อจะเปลี่ยนระบบการเมืองใหม่ตามที่กล่าวว่า
แกนนำพันธมิตรฯ ต้องแสดงท่าทีสนับสนุนและเห็นด้วย
จากการนัดหมายทำการประชุมสภาพันธมิตรฯ ทั่วประเทศในวันที่ 24 พ.ค.52
โดยที่ประชุมได้ลงมติเห็นชอบให้ตั้งพรรคการเมือง
อาจเป็นข้ออ้างเพื่อให้เกิดความชอบธรรมในการลงเล่นการเมืองของแกนนำพันธมิตร
โปรดเชื่อเภอะว่า
การเมืองในระบบรัฐสภาของไทยในปัจจุบันจะเป็นตัวสะกัดกั้นไม่ให้เกิดการเมือง
ใหม่ได้ ก็เพราะว่าการเมืองปัจจุบันให้เสรีภาพในการแสดงออกมาก
จนเสียงข้างมากไม่สามารถทำอะไรได้ตามที่คิด
เสียงข้างน้อยถ้าไม่เห็นด้วยก็มีสิทธิที่จะชุมนุมประท้วงต่อต้าน ปืดถนน
ล้อมทำเนียบ ดังที่เห็นในปัจจุบันนี้
แม้ว่าพรรคพันธมิตรจะได้เสียงข้างมากตั้งรัฐบาลก็ไม่มีโอกาสที่จะเปลี่ยน
ระบบการเมืองตามที่คิดไว้ได้ ถ้าไม่ปฏิวัติ
krusuchat_w@yahoo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น