++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

จากรถเมล์ถึงรถไฟ

โดย สุวิชชา เพียราษฎร์ 22 มิถุนายน 2552 20:18 น.
เมื่อวานนี้สหภาพพนักงานการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.)
พากันนัดหยุดเดินรถทั่วประเทศ

ผลที่ตามมา
นอกจากประชาชนจำนวนไม่น้อยได้รับความไม่สะดวกในการเดินทางเหมือนปกติแล้ว
ก็มีคำถามมากมายว่าเกิดอะไรขึ้น?

แม้คนรถไฟหรือตัวแทนของสหภาพพนักงานการรถไฟฯ
จะพยายามบ่งบอกความเห็นและจุดยืนของพวกเขาผ่านการให้สัมภาษณ์ทางทีวี
วิทยุ หรือสื่อต่างๆ
ตลอดทั้งวันและอาจรวมถึงแผ่นป้ายที่ขึงติดอยู่ตามสถานีใหญ่ๆ เช่น
หัวลำโพง บางซื่อ ว่า "คนรถไฟ คัดค้าน บริษัทเดินรถ อนาคต ขูดรีด
ประชาชน" ก็ตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่ง

เนื่องเพราะคำอธิบายเหตุผลด้วยเงื่อนเวลาสั้นๆ ก็ดี
แผ่นป้ายที่มีข้อจำกัดด้านการใส่รายละเอียดเนื้อหาก็ดี
ย่อมไม่สามารถทำให้คนทั่วไปเข้าใจเรื่องได้ทั้งหมด

ยิ่งคนที่ไม่ได้ติดตามข่าวสารอย่างเกาะติด
หรือไม่ทราบความเคลื่อนไหวมาก่อนซึ่งผมคิดว่ามีปริมาณมากพอสมควรที่เป็นผู้
โดยสารกลุ่มเป้าหมายของรถไฟ
พวกเขาเหล่านี้ก็มีสิทธิงุนงงและสงสัยกันทุกคน

จู่ๆ รถไฟหยุดให้บริการ
แท้ที่จริงแล้วการรถไฟไทยกำลังมีปัญหาอะไร กำลังจะถูกเปลี่ยนแปลงอย่างไร?
บริษัทเดินรถ คืออะไร ทำไมต้องคัดค้าน?

เรื่องนี้ความจริงเป็นเรื่องต่อเนื่อง และว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจคนรถไฟ

เท่าที่ติดตาม สหภาพพนักงานการรถไฟฯ
ได้เคลื่อนไหวมาหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งก่อนและหลังการนำวาระ
"แผนฟื้นฟูการรถไฟฯ"
หรือแผนยุทธศาสตร์ปรับปรุงโครงสร้างการบริหารจัดการเพื่อฟื้นฟูฐานะทางการ
เงินของการรถไฟแห่งประเทศไทย เข้าพิจารณาใน ครม.
แต่บังเอิญถูกกระแสการฟื้นฟู ขสมก.ด้วยการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000
คันกลบไปหมดสิ้น

แผนฟื้นฟูฯ ขสมก.ถูกชำแหละและวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
ขณะที่แผนฟื้นฟูการรถไฟฯ มาเงียบๆ และผ่านครม.ไปอย่างเงียบๆ
เช่นกันตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งๆ ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน

ทั้งนี้ ในความเหมือนที่แตกต่าง
หากพิจารณาในเนื้อหาระหว่างองค์กรทั้งสองซึ่งเป็นบริการสาธารณะ
เป็นขนส่งมวลชน เป็นกิจการของรัฐเหมือนๆ กันก็จริง ทว่า ประเด็นของ
ขสมก.ดูจะเข้าใจได้ง่ายกว่า

เนื่องเพราะวิธีการแก้ปัญหาที่นักการเมืองร่วมกันกับบอร์ดบริหารของ
ขสมก.คือ กระบวนการจัดซื้อ-จัดจ้างในรูปแบบถนัดของนักโกงกิน
ทุจริตคอร์รัปชันประเภทเดิมๆ

พวกเขาเชื่อว่าหากทำตามแผนฟื้นฟูฯ โดยการลงทุน 64,000
ล้านบาทเช่ารถใหม่มาแทนรถเก่า 4,000 คันแล้วจะทำให้
ขสมก.ที่ขาดทุนบานเบอะหลายหมื่นล้านพลิกกลับมามีกำไรในเวลาไม่กี่ปี

แต่พวกเขาก็ลืมไปว่า
แผนเช่ารถใหม่มูลค่าแพงระยับถูกผลักดันมาแล้วหลายครั้งหลายคราจนข้อมูลข่าว
สารแพร่กระจาย ย่อมต้องมีผู้จับพิรุธ อ่านวาระที่ซ่อนเร้น
เห็นความไม่ชอบมาพากลดังกล่าว คนทั่วไปจึงร่วมกันคัดค้าน
และเวลานี้สภาพัฒน์ต้องทำงานหนักเพื่อหาข้อมูลให้ ครม.ได้ตัดสินใจ

ขณะที่การรถไฟฯ ตามแผนฟื้นฟูมีคำอธิบายจากนักการเมือง
และบอร์ดบริหารการรถไฟฯ เป็นอะไรที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

สาระสำคัญที่เป็นลายลักษณ์อักษรที่ ครม.ให้ความเห็นชอบ ก็คือ
เป็นแผนฟื้นฟูฯ ที่จะทำให้เกิดการแยกภารกิจของการรถไฟฯ ออกจากกัน

นั่นคือ การจัดตั้งบริษัทเดินรถ เพื่อบริหารการเดินรถโดยสาร
รถขนส่งสินค้า และโครงการระบบขนส่งทางรถไฟ
เชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือ
"แอร์พอร์ตลิงก์"

สอง ตั้งบริษัทบริหารทรัพย์สิน
เพื่อบริหารจัดการที่ดินและทรัพย์สินให้คล่องตัวมากกว่าที่เป็นอยู่ที่การ
รถไฟฯ จะต้องแบกรับภาระดำเนินการเอง

นอกจากนี้ยังรวมถึงแผนปรับโครงสร้างการเงินที่จะเริ่มจากแก้ไขปัญหาหนี้
และขาดทุนสะสมในอดีต 72,850 ล้านบาท!
และแก้ปัญหาภาระเงินบำนาญของพนักงานการรถไฟฯ ที่มีจำนวน 25,749
คนในวงเงิน 156,000 ล้านบาท

ประเมินว่า หากทำได้ตามแผนงบการเงิน พ.ศ. 2552-2561 ของการรถไฟฯ
จะเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผลโดยจะทำให้รายได้ของการรถไฟฯ เพิ่มขึ้นจาก
79,683 เป็น 109,521 ล้านบาท!

จะเห็นว่า เป็นแผนการในฝัน (ร้าย) คล้ายๆ
ขสมก.เพียงแต่รถไฟยังไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างเข้ามาเอี่ยวในเบื้องต้นเท่านั้น!

ขณะเรื่องตั้งบริษัทเดินรถ - บริษัทจัดการทรัพย์สิน ถูกยืนยันว่า
การบริหารทั้งหมดยังอยู่ภายใต้การดูแลของการรถไฟฯ เช่น
คำมั่นที่ว่าจะให้การรถไฟฯ ถือหุ้น100%

ทว่า สิ่งที่คนรถไฟคัดค้าน คือ "บริษัทลูก"
ที่จะเกิดขึ้นคือการเริ่มต้นของการนำไปสู่การแปรรูปกลายๆ

คนรถไฟเห็นว่า พลันที่มีการจดทะเบียนบริษัท
ก็เท่ากับองค์กรที่มีอายุยืนยาวมากว่า 100 ปีต้องแยกสลาย
และรัฐบาลเองที่ผ่านมาก็ไม่มีหลักประกันความมั่นใจว่า
การเปลี่ยนแปลงจะไม่ทำให้พนักงานการรถไฟฯ ถูกกระทบคนต้องตกงานแค่ไหน
ประการสำคัญ ประชาชนจะได้รับบริการที่ดีขึ้น ในราคายุติธรรมจากแผนฟื้นฟูฯ
หรือไม่ อย่างไร

ที่กล่าวมาทั้งหมดใช่ว่า
ผมจะเชียร์ให้คนรถไฟหยุดเดินรถประท้วงรัฐต่อไป
แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะนิ่งเงียบไม่ฟังเสียงของคนรถไฟที่ย่อมรู้ดี
เรื่องรถไฟมากกว่าใครๆ

ขสมก.และการรถไฟฯ อยู่ในภาวะที่ไม่ต่างกัน ขาดทุนมโหฬาร
บริการแย่ ย่อมต้องการเปลี่ยนแปลง

ผม เพียงหวังว่า
รัฐบาลจะกล้าเปิดเผยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงอย่างตรงไปตรงมา
ทบทวนในสิ่งที่คนรถไฟได้สะท้อนความกังวล พร้อมๆ
กับหาวิธีให้พนักงานการรถไฟฯ และประชาชนได้อุ่นใจว่า
การปรับปรุงแก้ไขกิจการรถไฟหรือใดๆ ก็ตามนั้น ต้องกระทำด้วยความโปร่งใส
และเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ

ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก
http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail
suwitcha@manager.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น