++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552

ชวนไป..."ฝังเข็ม" ที่ รพ.พระนั่งเกล้า

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 มิถุนายน 2552 06:16 น.
ไมเกรน ปวดหลัง ปวดขา นอนไม่หลับ อัมพาต
เหน็บชา...สารพัดโรครักษาได้ด้วย...การฝังเข็ม

หาก พูดถึง "การฝังเข็ม" หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีแล้ว
เนื่องจากปัจจุบันการฝังเข็มเป็นการแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่าง
แพร่หลายและได้รับการยอมรับจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO)ได้ให้การรับรองศาสตร์สาขานี้ตั้งแต่ปี 2543
ว่า สามารถใช้ในการรักษาโรคต่างๆ ได้ 28 กลุ่มอาการ
ทำให้ในโรงพยาบาลหลายแห่งทั้งของภาครัฐและเอกชน
มีบริการรักษาด้วยวิธีนี้เป็นจำนวนมาก
ซึ่งหนึ่งในสถานบริการที่เปิดให้บริการ ก็คือ "โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า"


-1-


นพ.โกสินทร์ ตรีรัตน์วีรพงษ์ หัวหน้าหน่วยฝังเข็ม
โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า อธิบายหลักการฝังเข็ม ว่า
เป็นวิธีการช่วยปรับสมดุลของร่างกาย โดยไปกระตุ้นระบบของร่างกาย
ซึ่งการรักษาจะได้ผลดีในโรคที่เริ่มเป็นในระยะแรกหรือระยะกลาง เช่น
ปวดเข่า ยิ่งถ้ามาตั้งแต่เริ่มแรกก็จะช่วยให้หายขาดได้
แต่หากโครงสร้างของร่างกายบิดเบี้ยวหรือผิดรูปแล้ว
การฝังเข็มจะช่วยแค่บรรเทาปวดเท่านั้น ดังนั้น
ผู้ป่วยต้องใช้วิธีการรักษาแผนปัจจุบันโดยการเปลี่ยนข้อเข่า เป็นต้น

ทั้งนี้ การฝังเข็มได้ผลดีกับอาการปวดต่างๆ เช่น ปวดหัว ไมเกรน
ปวดประจำเดือนรุนแรง อาการอ่อนแรง เช่น โรคเส้นเลือดในสมองตีบ
อัมพฤกษ์/อัมพาต อาการชาจากโรคเบาหวาน โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
อาการนอนไม่หลับ มึนงง โรคกรดไหลย้อน ความดัน และโรคภูมิแพ้ ฯลฯ
ขณะที่ในกลุ่มโรคที่เป็นฉับพลัน โรคติดเชื้อ อุบัติเหตุฉุกเฉิน
การฝังเข็มไม่สามารถช่วยได้

"การ รักษาโรคด้วยแพทย์แผนปัจจุบันที่หลายโรคได้ผลการรักษาไม่ดี
เช่น ไมเกรน ปวดหลัง ปวดไหล่ การฝังเข็ม หรือโรคกรดไหลย้อน
โรคลำไส้ไวต่อความรู้สึก ซึ่งมีอาการปวดท้องบ่อย ท้องอืด แน่นท้อง
ได้ผลดีมาก โดยเฉพาะโรคที่หาสาเหตุไม่พบ อย่างพยาบาลรายหนึ่ง
เป็นโรคลำไส้ไวต่อความรู้สึก ไปหาหมอรักษาไม่หาย แพทย์บอกไม่เป็นอะไร
มีการแนะนำให้ไปพบจิตแพทย์ เพราะตรวจแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติ
แต่เมื่อมาฝังเข็มใช้เวลาในการรักษาประมาณ 1 ปี อาการต่างๆ ก็หายไป"

"สำหรับที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า 90% ของผู้ป่วยมาด้วยอาการ
ปวดต้นคอ ปวดบ่า ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดส้นเท้า ปวดเอว
เรียกว่าอาการปวดแทบทุกส่วนของร่างกายได้รับความนิยมมาฝังเข็มอย่างมาก"

นพ.โกสินทร์ ตรีรัตน์วีรพงษ์ หัวหน้าหน่วยฝังเข็ม โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
นพ.โกสินทร์ อธิบายขั้นตอนการรักษาผู้ป่วย ว่า ตามปกติ
เมื่อผู้ป่วยพบแพทย์จะต้องทำการซักถามประวัติอาการผู้ป่วย
ประวัติการรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน แมะวัดชีพจร
ให้ผู้ป่วยแลบลิ้นสังเกตอาการ
ซึ่งลิ้นจะสามารถบอกความผิดปกติของร่างกายได้ เช่น
ถ้าผู้ป่วยมีลิ้นเป็นฝ้าหนา มีน้ำลายมาก แสดงว่ามีเสมหะ
จากนั้นก็แยกกลุ่มโรค วิเคราะห์และวางแผนการรักษา

อย่างไรก็ตาม
ผู้ป่วยบางรายจำเป็นต้องได้รับการรักษาฝังเข็มควบคู่กับการใช้สมุนไพรจีน
ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้เขียนใบสั่งยา
แนะนำวิธีการรับประทานยาเพื่อให้ไปต้มยากินเองที่บ้าน
นอกจากนี้อาจมีการรักษาอย่างอื่นผสมผสาน เช่น
นวดทุยนาหรือครอบแก้วสุญญากาศ
แต่วิธีการนี้ต้องใช้เวลาในการรักษาจึงจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป

"โรง พยาบาลพระนั่งเกล้าได้เปิดให้บริการฝังเข็มตั้งแต่ปี 2541
มีผู้มารับบริการเฉลี่ย 80-100 คน/วัน และในปี 2551
มีผู้มารับบริการจำนวน 10,633 คน
จึงมีการปรับปรุงอาคารซักฟอกเดิมให้เป็นอาคารแพทย์ทางเลือก/ฝังเข็ม
เพื่อรองรับการบริการผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 9
กันยายน 2551 ขณะนี้สามารถรับผู้ป่วยได้ 22 เตียง มีแพทย์ให้บริการ 4 คน"
นพ.โกสินทร์ ให้ข้อมูล


-2-

ทีนี้ ลองมาฟังความเห็นของผู้มาใช้บริการกันบ้าง

"ป้า เป็นหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ โรคเบาหวาน กระดูกพรุน ปวดขา ขาชา
รักษากับแพทย์แผนปัจจุบันมามาก ลุยกับโรค ไปมาหลายโรงพยาบาล
ซึ่งแพทย์ทางเลือกถือเป็นที่พึ่งสุดท้ายแล้ว"

ศรัญยา อินทรประสิทธิ วัย 63 ปี
ผู้ป่วยรายหนึ่งที่มาเข้ารับการรักษาด้วยวิธีฝังเข็มที่โรงพยาบาลพระนั่ง
เกล้า กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีความหวัง พร้อมเล่าว่า
มารักษาด้วยวิธีการฝังเข็มที่นี่ประมาณ 4 เดือนแล้ว
แต่ละเดือนมาพบแพทย์ประมาณ 8 ครั้ง ครั้งแรกที่มาหาหมอด้วยอาการปวดหลัง
ปวดขา ขาชา ซึ่งแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่มีผลต่อระบบ
ประสาท จึงแนะนำให้ใช้วิธีฝังเข็ม เพราะจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้

"ป้าเป็นโรคเบาหวานมาตั้งแต่ปี 2536 มาถึงตอนนี้ก็ 16 ปีแล้ว
ทุกวันนี้รักษาโรคด้วยแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่กับการฝังเข็ม
อาการดีขึ้นมาก จากเดิมที่บางคืนนอนไม่ได้ ต้องใช้ถุงมือ ถุงเท้า
นวดด้วยยาบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ
ถ้าคืนไหนตื่นมากลางดึกก็ต้องมานั่งนวดขาอีกรอบ
พอฝังเข็มแล้วก็รู้สึกดีนอนหลับได้สบาย
รวมถึงอาการท้องเสียเรื้อรังจากระบบประสาทลำไส้
ซึ่งเป็นผลจากเบาหวานตั้งแต่มาฝังเข็มก็ไม่มีอาการท้องเสียอีกดังนั้นถึงจะ
รักษาโรคไม่หายขาดแต่ก็ตั้งใจว่าจะรักษาด้วยการฝังเข็มไปเรื่อยๆ
เพราะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น"

นอกจากนี้ ศรัญยา เล่าอีกว่า เคยมาหาหมอเพราะมีอาการน้ำมูกไหล ไอ
มีเสมหะไปพบแพทย์แผนปัจจุบันตรวจอย่างละเอียดแต่พบว่า ปกติดี
ปอดไม่มีปัญหา แต่พอมารักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม 2 ครั้งเท่านั้น
อาการต่างๆ ก็หายไป จำได้ว่า ตอนที่ฝังเข็มแรก มีความรู้สึกว่า คอแห้ง
ร้อน น้ำมูกหยุดไหล หายใจโล่ง จึงทำให้รู้สึกแปลกใจและทึ่งมาก
ที่สำคัญการฝังเข็มฝังเสร็จก็จบ ขณะที่ถ้าไปรักษาโรคกับแพทย์แผนปัจจุบัน
บางโรคต้องกินยาหลายชนิด ทำให้เกิดผลข้างเคียงบางทีรักษา 1 โรค
แต่ได้โรคเพิ่มมากอีก 2 โรค

ส่วนผู้ป่วยอีกรายหนึ่ง คือ"พิศมัย คล้ายชัง" อายุ 72 ปี บอกว่า
เป็นโรคประสาทกล่องเสียงเสื่อม ทำให้เสียงแหบแห้ง พูดตะกุกตะกัก
เสียงสั่น เหนื่อยง่าย ไอ เป็นมา 7 ปี
แต่เพิ่งรู้ผลจากการตรวจส่องกล้องที่โรงพยาบาลรามาธิบดีเมื่อปีที่แล้วว่า
เป็นโรคดังกล่าวโดยแพทย์ให้การรักษาโดยการฉีดยาทุก 6 เดือน
ขณะนี้อาการเหมือนเดิม
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ทดลองมาพบแพทย์แผนจีนโดยรักษาด้วยวิธีการฝังเข็ม

สำหรับสาเหตุที่ลองมารักษาด้วยการฝังเข็ม ว่า สามีวัย 76 ปี
ป่วยเส้นเลือดในสมองตีบ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ
พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าอยู่แล้ว ซึ่งคุณหมอฝังเข็มให้ 2
ครั้ง อาการของสามีดีขึ้น สามารถหายใจได้เอง
จึงสนใจที่จะลองรักษาอาการป่วยของตนเองด้วยวิธีนี้บ้าง

ทั้ง นี้ สำหรับหน่วยฝังเข็ม
โรงพยาบาลพระนั่งเกล้าเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันศุกร์
โดยมีบริการตรวจรักษา ฝังเข็ม การแมะ การครอบแก้วสุญญากาศ การรมยา
การนวดทุยนาติดแม่เหล็ก สมุนไพรจีนประคบ
ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 02-5284567 ต่อ 5601-3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น