++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

'จักรภพ' ผู้มีบารมีตัวจริง

'จักรภพ' ผู้มีบารมีตัวจริง
โดย สุรวิชช์ วีรวรรณ 18 มิถุนายน 2552 15:35 น.
ตอนนี้สังคมตั้งคำถามและมีข้อสงสัยว่า ทำไมคดีของนายจักรภพ เพ็ญแข
จนถึงบัดนี้จึงยังลอยนวลอยู่อย่างน่าพิศวงยิ่งนัก

คดีนี้เริ่มต้นเมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2551 พ.ต.ต.วัฒนศักดิ์
มุ่งกิจการดี พงส.สน.บางมด ช่วยราชการ สน.พหลโยธิน
เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้ดำเนินคดีกับ นายจักรภพ
เพ็ญแข ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ฐานหมิ่นประมาทดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท
หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

พอวันที่ 15 ส.ค. 2551 คณะกรรมการคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
ระดับกองบัญชาการสอบสวนกลาง (บช.ก.)
ได้ประชุมสรุปผลมีความเห็นสั่งฟ้องนายจักรภพ
และได้ส่งเรื่องดังกล่าวไปยัง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.

วันที่ 15 ก.ย. 2551 พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.
ในฐานะรองโฆษกตำรวจ ระบุว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
ผบ.ตร.ได้ลงนามมีความเห็นสั่งฟ้องตามที่คณะกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเด
ชานุภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง
ผบ.ตร.เป็นประธาน
โดยขณะนี้ได้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
เพื่อทำการนัดหมายกับนายจักรภพ เพ็ญแข
เพื่อประสานงานเรื่องการนัดวันและเวลา
ในการส่งสำนวนพร้อมตัวผู้ต้องหาไปให้กับอัยการต่อไป

วันที่ 19 กันยายน 2551 พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.
ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตามกำหนดวันนี้ 10.00 น.ได้นัดนายจักรภพ
เพื่อนำตัวพร้อมสำนวนส่งอัยการ แต่นายจักรภพได้โทร.มาเลื่อนเมื่อวาน (18
ก.ย.) ตอนเย็นโดยยังไม่ได้ระบุว่าจะมาพบพนักงานสอบสวนเมื่อไหร่
จึงยังส่งสำนวนให้อัยการไม่ได้

วันที่ 13 มกราคม 2552
พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้นำตัวนายจักรภพไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในความ
ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ฐานหมิ่นประมาทสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี

นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา กล่าวว่า
ได้มอบหมายให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นผู้ดำเนินการพิจารณาสำนวน
พร้อมตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณา 5-7 คน
เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
โดยจะนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 5 มีนาคมนี้ เวลา 10.30 น.

วันที่ 5 มีนาคม 2552 นายจักรภพ เพ็ญแข
อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
(นปช.)พร้อมด้วยนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.เพื่อไทย และแกนนำ นปช.
เดินทางไปที่สำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อรับฟังคำสั่งคดี
คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางไปถึง ปรากฏว่า
พนักงานอัยการมีคำสั่งเลื่อนนัดส่งคดีนี้ออกไป เป็นวันที่ 29 เมษายน 52
เวลา 10.00 น. เนื่องจากต้องรอผลการสอบสวนเพิ่มเติมจากกองปราบปรามในการแปลภาษาอังกฤษ
ซึ่งนายจักรภพ ได้กล่าวที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ

จากวันที่ 5 มีนาคม เลื่อนไปเป็นวันที่ 29 เมษายน

วันที่ 20 เม.ย. 2552 หลังแดงคลั่งเผาเมือง นายจักรภพ
ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับเอเอฟพี ว่า
เขาได้หนีออกนอกประเทศเพื่อเลี่ยงการถูกออกหมายจับฐานยุยงให้ใช้ความรุนแรง
โดยต้องซ่อนตัวเองในที่ปลอดภัย
และจะตั้งสำนักงานที่สามารถดำเนินการเคลื่อนไหวได้

วันที่ 22 เม.ย. 2552 เม.ย. นายจักรภพให้สัมภาษณ์นายโจนาธาน เฮด
ผู้สื่อข่าว บีบีซี ว่า เขาได้หลบหนีไปต่างประเทศและประกาศว่า
การต่อสู้เพื่อโค่นอำนาจรัฐบาลปัจจุบันจะยังคงเดินหน้าต่อไป
แต่จะไม่อาศัยการประท้วงในรูปแบบการชุมนุมเดิมๆ อีกแล้วเขาอ้างว่า
การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ช่วยนำประชาชนหันไปต่อสู้ใต้ดิน เขาเชื่อว่า
พื้นที่ที่ปราศจากการใช้อาวุธและความรุนแรงในการแก้ปัญหาของประเทศไทย
เล็กลงทุกวัน

วันที่ 21 เม.ย. 2552 พล.ต.ท.เจตน์ มงคลหัตถี
ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและสอบสวน
และกรรมการพิจารณาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
กล่าวว่า ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่า นายจักรภพ เพ็ญแข แกนนำ
นปช.ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว

นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา ให้สัมภาษณ์ว่า
คงต้องรอดูว่า นายจักรภพ
จะเดินทางมารายตัวเพื่อฟังคำสั่งคดีตามที่อัยการนัดไว้หรือไม่
ซึ่งหากไม่เดินทางมาก็จะต้องดำเนินการ คือ ถ้านายจักรภพ
ทำสัญญาประกันตัวไว้กับอัยการก็จะเรียกนายประกันให้ติดตามตัวนายจักรภพ มา
แต่ถ้าไม่สามารถติดตามตัวมาได้ อัยการก็จะมีคำสั่งปรับนายประกัน
และขออนุมัติศาลออกหมายจับ แต่หากนายจักรภพ ไม่ได้ทำสัญญาประกันไว้
อัยการก็จะแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัว
และขอศาลอนุมัติหมายจับต่อไป

ปรากฏว่า เมื่อถึงวันที่ครบกำหนดที่พนักงานอัยการจะสั่งคดี
ในวันที่ 29 เม.ย.2552 นายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา
เปิดเผยว่า สาเหตุที่ยังไม่สามารถสั่งคดีได้เนื่องจากทนายความของนายจักรภพ
ได้เดินทางมายื่นหนังสือขอเลื่อนนัดฟังคำสั่งคดี โดยอ้างนายจักรภพ
ได้เดินทางไปต่างประเทศ

อีกทั้งในคดีนี้ผู้เสียหายได้ยื่นคำร้องขอให้สอบพยานฝ่ายผู้เสียหาย
เพิ่มเติม และพนักงานสอบสวนยังส่งสำนวนมาไม่ครบถ้วน
พนักงานอัยการจึงได้เลื่อนฟังคำสั่งคดีอีกครั้งไปเป็นวันที่ 15 มิถุนายน
พร้อมยอมรับว่า การพิจารณาสำนวนในคดีนี้มีข้อขัดข้องในเรื่องของการแปลถ้อยคำจากภาษาอังกฤษ

จากวันที่ 29 เมษายน เลื่อนไปเป็นวันที่ 15 มิถุนายน

น่าประหลาดไหมครับว่า นายจักรภพเองก็ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า
เขาได้หลบหนีไปต่างประเทศแล้ว ตำรวจก็ออกมายืนยัน อัยการก็รับทราบว่า
นายจักรภพหลบหนีไปต่างประเทศแล้ว

อัยการก็ไม่ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัว
และขอศาลอนุมัติหมายจับแต่อย่างไร

พวกเราก็เลยรอคอยกันต่อไปว่า วันที่ 15 มิ.ย. 2552
คดีนี้จะดำเนินอย่างไรต่อไป

พอถึงวันที่ 15 มิ.ย. 2552 ก็เหมือนเดิมอีก นายกายสิทธิ์
พิศวงปราการ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีอาญา เปิดเผยว่า
อัยการเลื่อนวันนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง นายจักรภพ ไปเป็นวันที่ 17
ก.ค. เนื่องจากคณะทำงานอัยการ ยังไม่สามารถสรุปคดีให้แล้วเสร็จได้
โดยวันนี้คณะทำงานประชุมความคืบหน้าของคดีข้อกล่าวหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
แต่ยังไม่สามารถสรุปคดีได้
จึงเห็นควรให้เลื่อนนัดฟังคำสั่งออกไปอีกเป็นวันที่ 17 ก.ค.

จากวันที่ 15 มิถุนายน เลื่อนไปเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม

อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า
นายจักรภพไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศโดยการผ่านด่านตรวจ
แต่หลบหนีไปยังสามารถนำมาอ้างต่ออัยการเพื่อเลื่อนสั่งคดีได้

อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า
ข้ออ้างที่ไม่มีคนแปลภาษาต่างประเทศนั้นถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างตั้งแต่ในชั้นตำรวจจนถึงชั้นอัยการ

อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า นายจักรภพประกาศว่า
จะใช้อาวุธในการทำสงครามใต้ดินเพื่อโค่นล้มรัฐบาล
แต่กลับให้นายจักรภพแสดงความคิดเห็นผ่านสื่อที่วางขายบนแผงหรือขายบนดินได้

อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ทำไมจนถึงขณะนี้อัยการยังไม่สามารถสั่งคดีได้

เวรกรรมอะไรที่ทำให้ประเทศนี้ต้องตกเป็นเบี้ยล่างของนายจักรภพ
เพ็ญแขเช่นนี้ครับ


surawhisky@hotmail.com


http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000068781

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น