++

...+

Theขี้ฝุ่นริมทาง

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บทเพลง...เพื่อเธอ

บทเพลง...เพื่อเธอ


โดย นพวรรณ 24 มิถุนายน 2552 10:55 น.
โดย นพวรรณ สิริเวชกุล

คลิกที่ไอคอนด้านบนเพื่อ ชม และ ฟัง ในรูปแบบ MULTIMEDIA

" สำหรับดิฉัน การเมืองเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์
ดิฉันจึงปรารถนาให้ประชาชน ไม่เพียงมองความพยายาม
ที่จะนำประชาธิปไตยมาสู่พม่าว่าเป็นเพียงขบวนการทางการเมือง อย่างหนึ่ง
แต่ขอให้มองว่าเป็นความพยายาม ของประชาชนที่จะยืนยันสิทธิที่จะได้รับการ
ปฏิบัติอย่างมีคุณค่าสมเป็นมนุษย์"
นั่นคือคำกล่าวของนางออง ซาน ซูจีเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 1996 ค่ะ

ปีนี้เธออายุ 64
ปีแล้วค่ะ....ผู้หญิงที่เคยประกาศต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า
ว่า.... ความรักและสัจจะ จะโน้มน้าวใจมหาชนได้มากกว่าการบังคับ...

ออง ซานซูจี บุตรสาวของนายพล อองซาน
ที่หากนักท่องเที่ยวชาวไทยไปเยือนเมืองย่างกุ้ง
คงต้องมีโปรแกรมไปชอปปิ้งที่ตลาดโบ จ๊ก
หรือตลาดอองซานพร้อมฟังประวัติของการสร้างตลาดนี้จากไกด์พม่ากันมาบ้าง...

หลังจากบิดาของออง ซานซูจี
ถูกลอบสังหารประเทศพม่าก็เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย แน่นอน
ระยะเวลานั้นหากใครเคยรู้ประวัติของออง ซานซูจี
คงทราบดีว่าเธอไม่ได้อยู่ในประเทศพม่า...เธอได้รับการดูแลจากมารดาผู้เข้ม
แข็งที่ได้รับการแต่งตั้งให้ไปดำรงตำแหน่งทูตพม่าประจำประเทศอินเดีย
ที่นั่นเองที่อองซานซูจีได้ศึกษากระทั่งจบปริญญาตรีแล้วจึงเดินทางไปศึกษา
ต่อที่ประเทศอังกฤษกระทั่งพบรักและแต่งงานกับสามีของเธอ ไมเคิล อริส

ดิฉันเคยนึกสงสัยหลายครั้งค่ะ...เหตุใด
ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งจึงพลิกผันได้มากขนาดนี้...จากชีวิตที่ดำเนินไปอย่ง
เรียบง่ายมีครอบครัวที่อบอุ่น สามีและลูก...มีหน้าที่การงานที่มั่นคง...
และไม่ค่อยสนใจเรื่องการเมืองของประเทศตัวเอง...

แต่แล้วด้วยฐานะของบุตรสาวนายพลอองซาน
ทำให้เธอผู้นี้ถูกผลักออกไปยืนแถวหน้า....ให้กลายเป็นผู้นำขวัญและกำลังใจ
ของประชาชนในชาติในการเรียกร้องประชาธิปไตย...
ในช่วงเวลานั้นดิฉันเคยนึกสงสัยค่ะว่า ...เธอคิดอะไร?!!

เหตุไฉนเธอจึงหาญกล้าที่จะละทิ้งความสุข
ละทิ้งครอบครัวแล้วอุทิศตัวให้กับการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและสันติภาพ...
เธอเลือกแล้วที่จะสละอิสรภาพของตัวเองเพื่อเพื่อนร่วมชาติที่ร่วมชะตากรรม
เดียวกับเธอ...

หลังจากกลับมาบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อพยาบาลมารดาที่เจ็บหนัก
นับแต่นั้นออง ซาน
ซูจีก็ไม่เคยได้ออกไปจากแผ่นดินเกิดอีกเลย...แม้ช่วงเวลาที่บีบคั้นที่สุดใน
คราวที่สามีของเธอกำลังจากโลกนี้ไป...เธอก็ยืนหยัดที่จะยืนเคียงข้างประชาชน
ของตัวเองต่อสู้กับความไม่ยุติธรรมทั้งหลายด้วยวิธีสันติ...

จากวันที่ 8 เดือน 8 ปี 1988
เหตุการณ์ที่พลิกผันทำให้ชาวพม่าตกอยู่ในภาวะแร้นแค้นกระทั่งปัจจุบัน
จากวันนั้นกระทั่งวันนี้ ออง ซาน
ซูจีพยายามเรียกร้องให้ทั่วโลกหันมามองพม่าที่ตกอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการ
ออง ซาน ซูจี เคยกล่าวไว้ว่า ...ประชาธิปไตยที่พวกเราเรียกร้องกันอยู่คือ
ภาวะที่ประชาชนสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ อย่างเงียบสงบ
ภายใต้ระเบียบแห่งกฎหมาย
ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยงานที่มีหน้าที่ปกป้องสิทธิของพวกเรา
เป็นสิทธิที่ช่วยให้เราธำรงศักดิ์ศรีแห่งมนุษย์เอาไว้ได้....

หลังจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของเธอเพียง 5 ปี ออง
ซานซูจีก็ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
รางวัลที่เธอไม่มีโอกาสเดินทางไปรับด้วยตัวเอง...

กระทั่งวันนี้ นับเนื่องมา 20 ปีแล้ว ออง ซาน ซูจี
ยังคงยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อให้ได้อิสรภาพและประชาธิปไตยที่บ้านเกิดเมือง
นอนของเธอ...กับภาวะที่ถูกจองจำ อิสรภาพ

ดิฉันมีโอกาสถามไถ่ชาวพม่ารุ่นใหม่ที่ ถูกปิดปากเรื่องการเมือง
ถูกห้ามไม่ให้พูดเรื่องประชาธิปไตยและออง ซาน ซูจีในพื้นที่สาธารณะ
ครั้นมีโอกาสพวกเขาตอบคำถามที่ดิฉันถามถึงความรู้สึกของพวกเขาที่มีออง
ซาน ซูจี ว่า แท้จริงแล้วพวกเขาคิดอย่างไร...
นางเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่รอวันเหี่ยวเฉาไปกับกาลเวลาเท่านั้นหรือไม่....
คนพม่ารุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งตอบกลับมาว่า
นางยังอยู่ในดวงใจพวกเขาเสมอ....คำนี้ทำให้ดิฉันไม่คิดจะถามอะไรต่อไปอีก
แล้วค่ะ...

ออง ซาน ซูจี
ทำให้ดิฉันนึกถึงบทเพลงที่มีศิลปินต่างชาติแต่งไว้ให้กับเธอ หนึ่งคือวง
U2 กับเพลง walk on ถ้าจะว่ากันไปบทเพลงของ วง U2
นี้ก็มักจะมีเนื้อหาเรียกร้องสิทธิมนุษยชนอยู่แล้ว
พวกเขามีหลายเพลงที่แต่งให้กับบุคคลสำคัญๆที่ต่อสู้เพื่อสิทธิและความถูก
ต้องของสังคมหลายเพลง เช่นเพลง Pride (In the name of Love)
ที่พวกเขาแต่งให้กับมาร์ติน ลูเธอร์ คิง และเพลงนี้ก็เช่นกัน walk on
พวกเขาแต่งให้กับนาง ออง ซาน ซูจี....

อีกเพลงหนึ่งคือ unplayed piano ที่แต่งโดย Damien rice
ครั้งที่เขาเดินทางไปพม่าและรับรู้เรื่องราวของอองซานซูจี....และแต่งเพลง
นี้ขึ้นเพื่ออวยพรวันเกิดของเธอ
เขาเคยกล่าวไว้ว่า เขามักไม่ชอบก้าวก่ายความเป็นไปในโลกใบนี้
แต่เมื่อมีใครสักคนทีมีชื่อเสียงถูกเหวี่ยงเข้าไปในหลุมและเขาก็ร้องเรียก
ให้เราไต่เชือกลงไป,
เขารู้สึกยินดีที่จะทำตามโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงที่มีมารยาทงดงามเช่นนี้

ชะตากรรมของออง ซาน ซูจีจะไปเช่นไรต่อไปมิอาจรู้ได้...
พวกเราคนภายนอกก็ได้แต่เรียกร้อง ร่ำร้องให้แด่เธอ แต่มันจะสะท้าน
สะเทือนไปถึงหัวใจของผู้นำประเทศของเธอหรือไม่นั้น...คงเป็นเรื่องยาก...

อองซานซูจี เคยกล่าวไว้ว่า เธอหวังว่าชาวพม่าจำนวนมาก
จะตระหนักถึงสัญชาตญาณภายในที่กระตุ้นให้เราพยายามมองหา
สวรรค์และเสียงอันหนักแน่นที่คอยพร่ำบอกแก่เราว่า
เบื้องหลังก้อนเมฆที่เรียงรายสลับซํบซ้อน
ยังคงมีพระอาทิตย์ที่คอยเวลาอันเหมาะสม
จะโผล่พ้นออกมาให้แสงสว่างคุ้มครองเราเสมอ...

สามารถรับฟังย้อนหลัง รายการ คาเฟ่หลากมิติ โดย นพวรรณ สิริเวชกุล ได้ทาง
www.managerradio.com

http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9520000071172

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น